WI-SA-007 คู่มือในการขายแผนกกระเบื้องเซรามิค

young-couple-choosing-tiles-building-market.jpg

1. วัตถุประสงค์

2. สิ่งที่พนักงานขายควรแนะนำให้กับลูกค้า

3. ส่วนพักผ่อนและรับประทานอาหาร

4. ห้องครัว

5. ห้องน้ำ

6. ห้องนอน

7. ลานจอดรถและทางเดินรถ

8. สระว่ายน้ำและสวน     

9. พื้นที่การค้า และพื้นที่สาธารณะ

  1. กระเบื้องสำหรับปูพื้น เป็นกระเบื้องที่เผาครั้งเดียว ที่อุณหภูมิประมาณ 1,000 องศาเซลเซียสมีคุณสมบัติ แข็งแกร่ง มีความหนาปน่นสูง ทนทานรับน้ำหนักได้มาก
  2. กระเบื้องสำหรับบุผนัง คือ กระเบื้องที่ผ่านการเผา 2 ครั้ง ที่อุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส มีคุณสมบัติ การหดตัวหลังการเผาน้อยทำให้สามารถพิมพ์ลาดได้มากการรับน้ำหนักได้พอสมควรกระเบื้องผนังมีลวดลายมากให้เลือก
  3. ขนาด กระเบื้องเซรามิคมีขนาดมากมายทั้งสี่เหลี่ยมจัตุรัส 8*8 , 12*12 ,13*13 , 16*16 ,18*18 เป็นต้น และสี่เหลี่ยมผืนผ้า 4*8 , 8*10 , 8*12 , 8*16 เป็นต้น ส่วนกระเบื้องที่มีขนาดเล็ก เช่น 2*2 , 4*4 วางเรียงกันเป็นแผ่นใหญ่ประสานตัวกระดาษหรือเส้นใยสังเคราะห์แผ่นละ 12*12 เรียกว่ากระเบื้องโมเสค
  4. ขนาดของห้อง หากห้องเล็กไม่ควรเลือกกระเบื้องที่มีขนาดแผ่นใหญ่เกินไปจะแลดูไม่สวยงาม ลวดลายต่าง ๆ ควรมีการออกแบบคำนวณขนาดและจำนวนแผ่นก่อนการเลือกซื้อ เมื่อเลือกซื้อควรนำกระเบื้องที่ปูมาทดลองวางลาย และสีดูให้ตรงตามความต้องการจำนวนที่สั่งซื้อ ควรเผื่อจำนวนกระเบื้องไว้ประมาณ 5-10 % สำหรับความเสียหาย การตัดเหลือเศษหรือเก็บไว้สำหรับการซ่อมแซมภายหลัง
  5. คุณภาพ รุ่น สี ของกระเบื้องที่เลืกควรตรงและหมายเลข LOT การผลิตควรเป็นครั้งเดียวกัน เกรดของกระเบื้องควรเป็นเกรด A เพราะจะทำให้การปูออกมาสวยงาม ทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้จากฉลากที่ระบุไว้ข้างกล่องกระเบื้อง
  6. ต้องมั่นใจว่าพื้นที่ปูกระเบื้องนั้นได้ทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มี คราบฝุ่น น้ำมัน รอยสักปรกติดอยู่ ตลอดจนไม่ลืมตรวจเช็คระดับพื้น หรือแนวระนาบของผนังที่จะปูถ้าไม่ได้ระดับ หรือ ระนาบควรตกแต่งหรือปรับให้ได้แนวที่ต้องการ
  7. พื้นที่ที่จะปูกระเบื้อง ต้องแห้ง ไม่มีความชื้น หากเป็นพื้นหรือผนังคอนกรีตนั้น พื้นที่ที่จะปูกระเบื้องได้ต้องทิ้งไว้ให้แห้งหลังการเทพื้นหรือฉาบแล้วอย่างน้อยเป็นเวลา 2 - 3 สัปดาห์ จนแน่ใจว่าพื้นไม่มีความชื้นแล้วจึงเริ่มลงมือปูกระเบื้องได้ เพราะหากพื้นที่จะปูกระเบื้องมีความชื้นอยู่จะมีผลทำให้แรงยึดกันระหว่างพื้นและวัสดุปูพื้นอ่อนลง สำหรับพื้นชั้นล่างที่อยู่ติดพื้นดิน ควรรองพื้นด้วยแผ่นพลาสติก และปูนซีเมนต์ผสมทรายที่จะทำการเทพื้นปรับระดับควรผสมน้ำยากันซึม เพื่อป้องกันความชื้นซึมขึ้นมาตามร่องยาแนว หรือผิวของกระเบื้อง
  8. ในการปูกระเบื้องนั้น ควรเว้นร่องประมาณ 1 - 3 ม.ม. เพื่อป้องกันปัญหาการโก่งแอ่นหลังจากการปู และใช้งาน ในการปูกระเบื้องในปัจจุบันนั้นมีวัสดุประสานอยู่สองชนิดใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ ใช้กาวซีเมนต์ หรือปูซีเมนต์ตามอัตราส่วน (ยกเว้นการปูกระเบื้องทับพื้นเดิม ซึ่งควรใช้กาวซีเมนต์ชนิดพิเศษปู หรือใช้น้ำยาที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะผสมกับกาวซีเมนต์ทั่วไป ไม่ควรใช้ปูนซีเมนต์ผสมทรายเพียงอย่างเดียว) ในการปูพื้นกระเบื้องใหม่ แนะนำใช้ใช้ปูนกาวซีเมนต์ เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานสามรถยึดเกาะได้ดีรวมทั้งสะดวกและรวดเร็วกว่า
  9. เมื่อเตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงปูกระเบื้องโดยเริ่มปูจากแนวที่ติดผนัง 1 แนว จัดกระเบื้องให้ลงตัว และตีแนวกระเบื้องที่ผนัง (บรรดาช่างมักจะเรียกกรรมวิธีนี้ว่า ตีปักเต๊า) แล้วปูกระเบื้องจากพื้นขึ้นไปถึงจุดที่จะหยุดกระเบื้อง 1 แนว เพื่อให้กระเบื้องลงตัวไม่เหลือเศษบน และล่าง เสร็จแล้วจึงปูกระเบื้องตามแนวที่วางไว้
  10. เมื่อปูกระเบื้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะต้องทิ้งให้ซีเมนต์แห้งอย่างน้อย 24 ชม. แล้วจึงยาแนวโดยปาดตามแนวเฉียงกับร่องกระเบื้อง เพื่อให้ตัวยาแนว ลงร่องอย่างสม่ำเสมอ (ข้อสำคัญ คือ ต้องไม่ลืมทำความสะอาดร่องระหว่างกระเบื้อง ก่อนกากรยาแนวนะครับ ) เมื่อยาแนวเป็นที่เรียบร้อย ก็ควรที่จะต้องทิ้งพื้นที่ดังกล่าว ไว้ 1 อาทิตย์ก่อนการใช้งาน โดยทำความสะอาดกระเบื้อง หลังจากปุเสร็จแล้ว 24-36 ชั่วโมงและหลังจากพื้นกระเบื้องแห้ง ทำการเช็ดผิวของกระเบื้องอีกครั้ง ด้วยผ้าสะอาด
  11. เนื่องจากทางโรงงานเคลือบ wax ไว้บนหน้าผิวหน้ากระเบื้องเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากกระบวนการเคลื่อนย้ายการขนถ่ายสินค้า หรือระหว่างการปูเพื่อใช้งาน เมื่อติดตั้งกระเบื้องเสร็จและยาแนวเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นแกรนิตโต้ธรรมดาให้ใช้ผงแว๊กซ์ขัดวนให้ทั่วด้วยผ้าแห้ง และเช็ดออกโดยไม่ต้องใช้น้ำ กระเบื้องก็จะเงางาม ถ้าเป็นแกรนิตโต้ที่มีสีดำสนิท หรือไม่ได้เคลือบ wax มาจากโรงงานให้ใช้ผ้าสะอาด ๆ เช็ดทำความสะอาดได้เลย ( ถ้าใช้ผงขัดจะทำให้กระเบื้องด่าง )ถ้าเป็นกระเบื้อง เนื้อ NANO ใช้ผ้าแห้งสะอาด ๆเช็ดทำความสะอาดได้เลย
  12. สำหรับการดูแลเป็นประจำทุกวันนั้น ควรถูพื้นด้วยน้ำสะอาด หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปสำหรับ การทำความสะอาดตามกำหนดเวลา
  13. หลีกเลี่ยงการใช้สารขัดสีต่าง ๆ เช่น แผ่นขัดบนกระเบื้องชนิดเคลือบ เพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้ส่วนเคลือบของกระเบื้องหลุดลอกได้
  14. เช็ดและทำความสะอาดสิ่งที่หกบนกระเบื้องเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนส่วนเคลือบของกระเบื้อง
  15. ค่อย ๆ กวาดทรายหรือเศษแตกหักบนกระเบื้องออก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดรอยขีดข่วนบน ส่วนเคลือบของกระเบื้องได้
  16. ไม่ควรลากวัสดุหนักเช่น ลังไม้บนพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องซึ่ง ไม่ได้รองรับการใช้งานหนักโดยเฉพาะ
  17. งดเว้นการใช้สารซักล้างที่มีส่วนทีมีส่วนผสมของ ไฮโดรฟลูโอริก เนื่องจากว่าอาจทำให้พื้นผิว ของกระเบื้องเซรามิคเสียหายได้
  18. ควรปฎิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต ในการใช้สารซักล้าง เพื่อให้กระเบื้องมีอายุการใช้งานสูงสุด และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นผิวกระเบื้องให้น้อยที่สุด
  19. ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ความรับผิดชอบของบริษัท จะจำกัดอยู่เพียงการเปลื่ยนกระเบื้องไม่ได้ปูเท่านั้นพนักงานขายควรแนะนำลูกค้าด้วยว่าถ้าปูกระเบื้องไปแล้วเฉดสี หรือขนาดของกระเบื้องมีปัญหา หรือ อาจเกิดจากกรณีใด ๆ ก็ตาม ให้ลูกค้าหยุดปูทันทีแล้วให้ติดต่อกับบริษัท เข้าไปตรวจสอบหน้างานก่อน และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป



Revision #3
Created 13 June 2022 08:46:43 by แตงโม เลขา
Updated 22 July 2023 08:11:59 by แจง OD