Service Division
- Job Description
- WI : Service Division
- WI-SA1-001 การจัดทำใบ Back Order
- WI-SA1-002 การเสนอขายและรับคำสั่งขาย
- WI-SA1-003 การควบคุมสินค้า SPO และสินค้า Back Order
- WI-SA1-004 การให้บริการด้านการออกแบบ
- WI-SA1-005 กระบวนการรับฝากซ่อมสินค้า
- WI-SA1-006 Return Policy การรับเปลี่ยน-คืนสินค้า
- WI-SA1-007 การขายสินค้าคอนกรีตซีแพค
- WI-SA1-008 การออกแบบห้องน้ำ
- WI-SA1-009 การเบิกเติมของแถม
- WI-SA1-010 ข้อควรระวังในการออก Invoice
- WI-SA1-011 กระบวนการตัดจ่ายเบิกภายใน
- WI-SA1-012 กระบวนการออกแบบประมาณการ
- WI-SA1-013 การจองสินค้า (Reservation)
- WI-SA-014 มาตรฐานการตอบแชทลูกค้า
Job Description
JD-RT-002 Service Division
ชื่อตำแหน่ง(ไทย) |
ผู้จัดการแผนกบริการ |
ชื่อตำแหน่ง(อังกฤษ) |
Service Division |
แผนก |
ค้าปลีก สำนักงานใหญ่ |
ฝ่าย |
ขาย |
ผู้บังคับบัญชา |
ผู้อำนวยการฝ่ายค้าปลีก |
ระดับตำแหน่งงาน |
G5 |
วัตถุประสงค์ของตำแหน่งงาน (Job Purpose)
การให้บริการลูกค้า ติดตามการปฏิบัติงานของพนักงานในแผนกที่รับผิดชอบ ด้านความรู้สินค้าและเสนอราคาสินค้า ตามที่กำหนดแก่ลูกค้าที่มาติดต่อ เข้ารับการอบรมความรู้สินค้า แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสินค้าให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และเกิดการซื้อซ้ำในอนาคต รับข้อร้องเรียนของลูกค้าเกี่ยวกับการบริการลูกค้า |
ความรับผิดชอบหลัก (Key Responsibilities)
หน้าที่หลัก/กิจกรรมหลัก (Key Responsibilities and Activities) |
วัตถุประสงค์หลักของงาน (Key Objectives) |
ตัวชี้วัดผลงานของตำแหน่งงาน (Performance Indicators) |
1. งานด้านลูกค้าสัมพันธ์ |
- วางแผนด้านการบริการเพื่อเพิ่มยอดขาย - จัดทำข้อมูลลูกค้า CRM - ติดตามและออกเยี่ยมลูกค้า - วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ปัญหา ………...อุปสรรค ในการปฏิบัติงาน |
- สร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัทและรักษา…....ฐานลูกค้าเก่าและใหม่ - เพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเก่าพร้อมทั้ง…....สร้างโอกาสการขายให้กลุ่มลูกค้าใหม่ - สร้างระบบงานโครงสร้างข้อมูลและ………..รายงานต่างๆ เพิ่มทักษะในการวิเคราะห์....ข้อมูลและการนำไปใช้ในการวางแผนงาน |
2. งานด้านบริการของแคชเชียร์ |
- การตรวจสอบความถูกต้องของสินค้า……..และการชำระเงิน - ตรวจสอบพนักงานแคชเชียร์ในการแจ้ง…..โปรโมชั่นต่างๆ |
- การรับและทอนเงินถูกต้อง 100% - สุ่มตรวจการแจ้งโปรโมชั่นของพนักงาน…..แคชเชียร์ทุกวัน |
3. งานบริการช่างโฮมมาร์ท |
- รับความต้องการของลูกค้า - ให้บริการช่างตามแผนงานและจัดคิวช่าง....ตรงตามเวลาที่นัดหมาย - วางแผนกำหนดราคาการให้บริการงาน…...ช่างตามราคาตลาด - ตรวจสอบรายงานการให้บริการของช่าง |
- ให้บริการได้ตามนัดหมายในปฏิทิน - มีการปรับปรุงราคาค่าบริการช่างให้เป็น....ไปตามราคาตลาด - ตรวจสอบรายงานการเบิกค่า Incentive ..ของช่างภายในวันที่ 20-25 ของทุกเดือน |
4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน |
- อบรม ประชุม พนักงานอย่างสม่ำเสมอ ....เพื่อแจ้งข่าวสาร และแนะแนวทางการ…....ปฏิบัติงานใหม่ๆ |
- พนักงานมีความกระตือรือล้นในการ………ปฏิบัติงานอยู่เสมอ - มีการแจ้งข่าวสารกับพนักงานทุกเช้าก่อน..เริ่มทำงาน |
5. แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานบริการ |
- ประชุมพนักงาน เพื่อรับทราบปัญหา……....ต่างๆ เกี่ยวกับงานบริการ - แนะแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แก่………...พนักงาน |
- พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้ตามเป้า....หมาย มีความสุขในการทำงานและมี……....ความจงรักภักดีต่อองค์กร - ลดข้อร้องเรียนจากลูกค้าในเรื่องงาน……....บริการ |
6. ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของพนักงาน |
- ตรวจสอบการทำงานของพนักงาน ด้าน....การแต่งกาย มาตรฐานการบริการ การ…...ปฏิบัติงานตามกฎ ระเบียบ - ตรวจรายงานผลการดำเนินงานของ………..พนักงาน - ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน - นำเสนอผลการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหาร |
- พนักงานปฏิบัติงานตามมาตรฐาน กฎ …...ระเบียบที่กำหนด - ลูกค้ามีความพึงพอใจต่อสินค้าที่ให้………...บริการ - ลูกค้ามีความพึงพอใจต่อการดูแลลูกค้าไม่..ต่ำกว่าร้อยละ 80 - ข้อร้องเรียนงานบริการทีมช่างไม่เกิน 3 ....ครั้ง/เดือน - ความพึงพอใจทีมช่างไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 |
คู่มือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง |
ความยากของงาน/ความเสี่ยง/ข้อควรระวัง (Major Challenges)
- การงานแผนและการวิเคราะห์งานด้านบริการ - การขอข้อมูลลูกค้า CRM - การควบคุมและการสั่งงาน |
ขอบเขตงานของผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinate's Responsibilities)
ตำแหน่ง (Position) |
ขอบเขตงานโดยย่อ (Job Scope) |
พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ |
- ให้บริการลูกค้าในด้านความรู้สินค้าและเสนอราคาสินค้าให้กับลูกค้า |
ช่างโฮมมาร์ท |
- ให้บริการและแก้ไขปัญหาหน้างานด้านงานช่างให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจ..และงานสำเร็จไปได้ด้วยดี |
อำนาจดำเนินการ (Financial Responsibilities/Authorization)
เรื่อง (Item) |
ระดับอำนาจอนุมัติ (Amount/Authorized level) |
||
อนุมัติได้เอง (Own Decision) |
ต้องขอคำแนะนำ (Consulted by Superior) |
นำเสนอผู้บังคับบัญชา (Superior Approval) |
|
การรับคืนสินค้า |
/ |
/ |
/ |
การเบิกจ่ายของแถม |
/ |
/ |
/ |
การอนุมัติเอกสาร Back Order |
/ |
/ |
|
การอนุมัติเอกสารเสนอราคา |
/ |
/ |
/ |
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น (Working Relationship)
หน่วยงาน/ตำแหน่งงานที่ติดต่อ |
เรื่องที่ต้องติดต่อ |
ความถี่ |
ฝ่ายพัฒนาระบบ |
ระบบคอมพิวเตอร์ |
ทุกวัน |
ฝ่ายขาย |
ทำ PR ใบเสนอซื้อ Backorder การรับสินค้าเพื่อจำหน่ายและส่งมอบให้ลูกค้า |
ทุกวัน |
ฝ่ายสินเชื่อ-การเงิน |
- การให้เครดิต เอกสารการชำระเงินของลูกค้า …...ยอดค้างชำระเงินของลูกค้า |
ทุกวัน |
แผนกบริหารสินค้า,แผนกตรวจรับสินค้า |
- การติดต่อสินค้าชำรุดเสียหาย |
ไม่แน่นอน |
ฝ่าย Logistic |
- ตรวจสอบสินค้า - จัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า |
ทุกวัน |
คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Job Specifications
1. การวางแผนและการวิเคราะห์งาน
2. การควบคุม สั่งการ ติดตามและประเมินผล
3. มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ที่เกิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
วุฒิการศึกษา (Education Background)
ระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้ ด้านบริการจัดการ การตลาด หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง |
ประกาศนียบัตร/ใบรับรองทางวิชาชีพ/ใบอนุญาต (Certification/Licensing)
ประสบการณ์การทำงาน (Professional Experiences)
มีประสบการณ์ด้านบริการและงานขายวัสดุก่อสร้าง อย่างน้อย 5 ปี |
ความสามารถประจำตำแหน่ง (Competencies)
ความรู้ (Knowledge) |
ทักษะ (Skills) |
ความสามารถด้านความคิด/บุคลิกภาพ (Mental Abilities/Personalities) |
1. มีความเชี่ยวชาญงานด้านวัสดุก่อสร้าง 2. ต้องรู้จักราคาสินค้าด้านวัสดุก่อสร้างในท้องตลาดเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ส่วนลดกับลูกค้าเบื้องต้น 3. ความรู้ด้านการขายและบริการ |
- คอมพิวเตอร์ - ภาษาอังกฤษ |
- มีศิลปะในการพูด - มีทัศนะคติที่ดีในการทำงาน - แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี - บุคลิกภาพดี - มนุษยสัมพันธ์ดี |
คุณสมบัติอื่น ๆ (Others)
ผู้จัดทำ (Prepare By) |
ผู้อนุมัติ (Approved By) |
ผู้ดำรงตำแหน่ง (Acknowledged By) |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
JD-RT-004 ลูกค้าสัมพันธ์
ชื่อตำแหน่ง (ไทย) |
พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ |
ชื่อตำแหน่ง (อังกฤษ) |
Customer Relation |
แผนก |
ค้าปลีก สำนักงานใหญ่ |
ฝ่าย |
ขาย |
ผู้บังคับบัญชา |
หัวหน้าลูกค้าสัมพันธ์ |
ระดับตำแหน่งงาน |
G3 |
วัตถุประสงค์ของตำแหน่งงาน (Job Purpose)
เพื่อให้บริการลูกค้าด้านรายละเอียดของสินค้า และเสนอราคาสินค้าให้แก่ลูกค้า แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสินค้าให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และเกิดการใช้บริการซ้ำในอนาคต |
ความรับผิดชอบหลัก (Key Responsibilities)
หน้าที่หลัก/กิจกรรมหลัก (Key Responsibilities and Activities) |
วัตถุประสงค์หลักของงาน (Key Objectives) |
ตัวชี้วัดผลงานของตำแหน่งงาน (Performance Indicators) |
1. งานด้านบริการ |
- จัดทำข้อมูลลูกค้า CRM - ติดตามและออกเยี่ยมลูกค้า - วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค ในการปฏิบัติงาน |
- รักษาลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ - สามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าเกิดความพึงพอใจไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 |
2. การจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า |
- รับคำสั่งขายจากลูกค้า - เสนอราคาและติดตามผล - จัดทำเอกสารประกอบการขายเช่น การมัดจำสินค้า, สินค้าสั่งจอง,สินค้าสั่งพิเศษ, สินค้า Drop Ship |
- ลูกค้าได้รับสินค้าถูกต้องตามความต้องการ - ลูกค้าได้รับสินค้าตามกำหนดเวลา |
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน |
- เข้าอบรมประชุมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับข่าวสาร และแนะแนวทางการปฏิบัติงานใหม่ๆ |
- พนักงานมีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ |
4. การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานบริการ |
- ร่วมประชุมเพื่อรับทราบปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับงานบริการ - ร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากงานบริการ |
- พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้ตามเป้าหมาย มีความสุขในการทำงานและมีความจงรักภัคดีต่อองค์กร |
คู่มือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง |
ความยากของงาน/ความเสี่ยง/ข้อควรระวัง (Major Challenges)
- ความถูกต้องของเอกสาร - การจัดทำข้อมูลลูกค้า CRM - การบริการลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด |
อำนาจดำเนินการ (Financial Responsibilities/Authorization)
เรื่อง (Item) |
ระดับอำนาจอนุมัติ (Amount/Authorized level) |
||
อนุมัติได้เอง (Own Decision) |
ต้องขอคำแนะนำ (Consulted by Superior) |
นำเสนอผู้บังคับบัญชา (Superior Approval) |
|
การอนุมัติเอกสาร Back Order |
/ |
||
การอนุมัติเอกสารเสนอราคา |
/ |
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น (Working Relationship)
หน่วยงาน/ตำแหน่งงานที่ติดต่อ |
เรื่องที่ต้องติดต่อ |
ความถี่ |
ฝ่ายพัฒนาระบบ |
ระบบคอมพิวเตอร์ |
ทุกวัน |
ฝ่ายขาย |
- ทำ PR ใบเสนอซื้อ Backorder - การรับสินค้าเพื่อจำหน่ายและส่งมอบให้ลูกค้า |
ทุกวัน |
ฝ่ายสินเชื่อ-การเงิน |
- การให้เครดิต เอกสารการชำระเงินของลูกค้า ยอดค้างชำระเงินของลูกค้า |
ทุกวัน |
แผนกบริหารสินค้า, แผนกตรวจรับสินค้า |
- การติดต่อสินค้าชำรุดเสียหาย |
ไม่แน่นอน |
ฝ่าย Logistic |
- ตรวจสอบสินค้า - จัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า |
ทุกวัน |
คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Job Specifications)
1. มีใจรักด้านงานบริการ
2. สนทนาภาษาอังกฤษได้เบื้องต้น
3. ความเข้าใจในสินค้าและบริการ
4. แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
วุฒิการศึกษา (Education Background)
ระดับปริญญาตรี เทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้ ด้านบริการจัดการ การตลาด หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง |
ประกาศนียบัตร/ใบรับรองทางวิชาชีพ/ใบอนุญาต (Certification/Licensing)
ประสบการณ์การทำงาน (Professional Experiences)
มีประสบการณ์งานด้านบริการหรือการขายไม่น้อยกว่า 1 ปี |
ความสามารถประจำตำแหน่ง (Competencies)
ความรู้ (Knowledge) |
ทักษะ (Skills) |
ความสามารถด้านความคิด/บุคลิกภาพ (Mental Abilities/Personalities) |
1. รู้จักสินค้าแต่ละชนิด |
คอมพิวเตอร์ |
- มีศิลปะในการพูด |
2. ความรู้ด้านการขายและบริการ |
ภาษาอังกฤษ |
- บุคลิกภาพดี |
- แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี |
||
- มนุษยสัมพันธ์ดี |
คุณสมบัติอื่น ๆ (Others)
ผู้จัดทำ (Prepare By) |
ผู้อนุมัติ (Approved By) |
ผู้ดำรงตำแหน่ง (Acknowledged By) |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
JD-RT-007 ประชาสัมพันธ์
ชื่อตำแหน่ง (ไทย) |
พนักงานประชาสัมพันธ์ |
ชื่อตำแหน่ง (อังกฤษ) |
Information |
แผนก |
ค้าปลีก สำนักงานใหญ่ |
ฝ่าย |
ขาย |
ผู้บังคับบัญชา |
หัวหน้าแผนกบริการ |
ระดับตำแหน่งงาน |
G3 |
วัตถุประสงค์ของตำแหน่งงาน (Job Purpose)
เพื่อให้บริการลูกค้า ด้านข้อมูลสินค้า ตอบข้อสอบถามของลูกค้า แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ จัดทำบัตรสมาชิก และอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า |
ความรับผิดชอบหลัก (Key Responsibilities)
หน้าที่หลัก/กิจกรรมหลัก (Key Responsibilities and Activities) |
วัตถุประสงค์หลักของงาน (Key Objectives) |
ตัวชี้วัดผลงานของตำแหน่งงาน (Performance Indicators) |
1. งานด้านบริการ |
- ศึกษาข้อมูลสินค้า และจุดวางสินค้าที่มีจำหน่ายภายในร้าน - รับ/โอน ต่อโทรศัพท์ - สอบถามข้อมูลผู้มาติดต่อ - การเปลี่ยน-คืนสินค้า - ออกใบกำกับภาษีเต็มรูป - สื่อสารและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาด - ประกาศคิวจัดสินค้าให้พนักงานมารับใบจัดสินค้า (ใบหยิบ) |
- สามารถตอบข้อซักถามของลูกค้าได้อย่างถูกต้องครบถ้วนและชัดเจน |
2. จัดทำบัตรสมาชิก |
- จัดทำฐานข้อมูลลูกค้าเบื้องต้น - จัดทำบัตรสมาชิกส่งให้ลูกค้า |
- ลูกค้าที่สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น |
3. อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า |
- ดูแลอำนวยความสะดวกตามที่ลูกค้าร้องขอ - ส่งมอบสินค้าสมนาคุณให้แก่ลูกค้า - อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนคืนสินค้า - แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า |
- ลูกค้ามีความประทับใจในการให้บริการนำมาสู่ความพึงพอใจในการดูแลต้องเกินร้อยละ 80 |
คู่มือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง |
ความยากของงาน/ความเสี่ยง/ข้อควรระวัง (Major Challenges)
- การสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลาย - การขอข้อมูลส่วนตัวจากลูกค้า - การบริการลูกค้าให้เกิดความประทับใจ |
ขอบเขตงานของผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinate's Responsibilities)
ตำแหน่ง (Position) |
ขอบเขตงานโดยย่อ (Job Scope) |
อำนาจดำเนินการ (Financial Responsibilities/Authorization)
เรื่อง (Item) |
ระดับอำนาจอนุมัติ (Amount/Authorized level) |
||
อนุมัติได้เอง (Own Decision) |
ต้องขอคำแนะนำ (Consulted by Superior) |
นำเสนอผู้บังคับบัญชา (Superior Approval) |
|
การแลกฝาสี |
/ |
||
การแลกของสมนาคุณ |
/ |
/ |
/ |
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น (Working Relationship)
หน่วยงาน/ตำแหน่งงานที่ติดต่อ |
เรื่องที่ต้องติดต่อ |
ความถี่ |
ฝ่ายพัฒนาระบบ |
ระบบคอมพิวเตอร์ |
ทุกวัน |
ฝ่ายบริหารกลาง |
แจ้งสินค้าชำรุดเสียหาย |
ทุกวัน |
แผนกต่างๆ ภายในบริษัท |
งานที่ลูกค้าสอบถาม |
ทุกวัน |
ลูกค้า |
อำนวยความสะดวกตามที่ลูกค้าต้องการ |
ทุกวัน |
แผนกบุคคล/GR |
เบิกจ่ายของสมนาคุณ |
ทุกวัน |
แผนกบัญชี-การเงิน |
นำส่งฝาสี |
ทุกวัน |
แผนกบริหารสินค้า |
ตรวจสอบฝาสีก่อนนำส่ง Vendor |
ทุกวัน |
คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Job Specifications)
1. มีใจรักงานด้านบริการ
2. สนทนาภาษาอังกฤษได้เบื้องต้น
3. บุคลิกภาพดี จิตใจแจ่มใส
4. มุ่งมั่นต่อการแก้ไขปัญหา
5. แสวงหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา
วุฒิการศึกษา (Education Background)
ระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้ ด้านบริการจัดการ การตลาด |
ประกาศนียบัตร/ใบรับรองทางวิชาชีพ/ใบอนุญาต (Certification/Licensing)
ประสบการณ์การทำงาน (Professional Experiences)
มีประสบการณ์งานด้านประชาสัมพันธ์ |
ความสามารถประจำตำแหน่ง (Competencies)
ความรู้ (Knowledge) |
ทักษะ (Skills) |
ความสามารถด้านความคิด/บุคลิกภาพ (Mental Abilities/Personalities) |
1. รู้จักสินค้าแต่ละชนิด |
คอมพิวเตอร์ |
- มีศิลปะในการพูด |
2. ราคาสินค้า |
ภาษาอังกฤษ |
- บุคลิกภาพดี |
3. ความรู้ด้านการขายและบริการ |
- แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี |
|
- มนุษยสัมพันธ์ดี |
คุณสมบัติอื่น ๆ (Others)
ผู้จัดทำ (Prepare By) |
ผู้อนุมัติ (Approved By) |
ผู้ดำรงตำแหน่ง (Acknowledged By) |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
JD-RT-006 ช่างประจำร้าน
ชื่อตำแหน่ง(ไทย) |
ช่างประจำร้าน |
ชื่อตำแหน่ง(อังกฤษ) |
Expert technician |
แผนก |
ค้าปลีก สำนักงานใหญ่ |
ฝ่าย |
ขาย |
ผู้บังคับบัญชา |
หัวหน้าแผนกช่างบริการ |
ระดับตำแหน่งงาน |
G2 |
วัตถุประสงค์ของตำแหน่งงาน (Job Purpose)
เพื่อบริการติดตั้ง ซ่อมแซมให้กับลูกค้า บำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในบริษัทให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ |
ความรับผิดชอบหลัก (Key Responsibilities)
หน้าที่หลัก/กิจกรรมหลัก (Key Responsibilities and Activities) |
วัตถุประสงค์หลักของงาน (Key Objectives) |
ตัวชี้วัดผลงานของตำแหน่งงาน (Performance Indicators) |
1. การบริการ |
- ติดตั้ง ซ่อมแซม อุปกรณ์ภายในบ้านลูกค้า - บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการซ่อม บำรุงอุปกรณ์ภายในบ้าน |
- ข้อร้องเรียนงานบริการทีมช่างไม่เกิน 3 ครั้ง/เดือน - ความพึงพอใจทีมช่างไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 |
2. มาตรฐานการบริการ |
- ศึกษามาตรฐานการให้บริการ - ปฏิบัติงานตามมาตรฐานการให้บริการ |
- การปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการ |
3. การบำรุงดูแลรักษาอุปกรณ์ภายในร้าน |
- ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในร้านให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ - ซ่อมแซม และบำรุงรักษาอุปกรณ์ ที่ชำรุดเสียหาย |
- อุปกรณ์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน |
ความยากของงาน/ความเสี่ยง/ข้อควรระวัง (Major Challenges)
- ความรู้การติดตั้ง ซ่อมแซมของสินค้าแต่ละประเภท - การซ่อมแซมอุปกรณ์ของลูกค้าที่ติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน - การอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงปัญหาการชำรุดของอุปกรณ์ |
ขอบเขตงานของผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinate's Responsibilities)
ตำแหน่ง (Position) |
ขอบเขตงานโดยย่อ (Job Scope) |
อำนาจดำเนินการ (Financial Responsibilities/Authorization)
เรื่อง (Item) |
ระดับอำนาจอนุมัติ (Amount/Authorized level) |
||
อนุมัติได้เอง (Own Decision) |
ต้องขอคำแนะนำ (Consulted by Superior) |
นำเสนอผู้บังคับบัญชา (Superior Approval) |
|
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น (Working Relationship)
หน่วยงาน/ตำแหน่งงานที่ติดต่อ |
เรื่องที่ต้องติดต่อ |
ความถี่ |
แผนกบุคคล-ธุรการ |
- รายงานสินค้าเสียหาย LP |
ไม่แน่นอน |
ทุกหน่วยงานในบริษัท |
ติดตั้ง อุปกรณ์ ซ่อมแซมตามคำร้องขอ |
ไม่แน่นอน |
ลูกค้า |
ติดตั้งซ่อมแซมอุปกรณ์ตามความต้องการของลูกค้า |
ทุกวัน |
คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Job Specifications)
1. มีความรู้ด้านงานก่อสร้าง งานไฟฟ้า-ประปา
2. มีความละเอียดรอบคอบช่างสังเกต
3. มีการสื่อสารที่ชัดเจน
วุฒิการศึกษา (Education Background)
ปวส.- ปริญญาตรี ด้านการก่อสร้าง ไฟฟ้า ช่างอิเล็คทรอนิกส์ |
ประกาศนียบัตร/ใบรับรองทางวิชาชีพ/ใบอนุญาต (Certification/Licensing)
มีใบอนุญาตจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สาขาไฟฟ้า |
ประสบการณ์การทำงาน (Professional Experiences)
มีประสบการณ์งานด้านการซ่อมทั่วไป เช่น ไฟฟ้า ปะปา สุขภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างภายในอาคาร |
ความสามารถประจำตำแหน่ง (Competencies)
ความรู้ (Knowledge) |
ทักษะ (Skills) |
ความสามารถด้านความคิด/บุคลิกภาพ (Mental Abilities/Personalities) |
- ด้านการติดตั้ง-ซ่อมแซมงานระบบไฟฟ้า ปะปา สุขภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างภายในอาคาร - การบริการ |
มีความเชี่ยวชาญงานด้านระบบไฟฟ้า ปะปา สุขภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างภายในอาคาร |
- บุคลิกมั่นใจในตัวเอง - มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า - แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี - มีใจรักงานบริการ ใจเย็น |
คุณสมบัติอื่น ๆ (Others)
ผู้จัดทำ (Prepare By) |
ผู้อนุมัติ (Approved By) |
ผู้ดำรงตำแหน่ง (Acknowledged By) |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
(…..........................................) วันที่........../........./.......... |
WI : Service Division
WI-SA1-001 การจัดทำใบ Back Order
การจัดทำใบ Back Order
1. วัตถุประสงค์
- เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อควบคุมมาตรฐานในการปฏิบัติงานของ แผนกค้าส่ง-โครงการ ในเรื่องของ “การจัดทำใบเสนอราคา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเสนอราคา P-WS-3 เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในด้านการเสนอราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในการพิจารณาสั่งซื้อสินค้า
2. ขอบเขต
- -
3. หน้าที่และความรับผิดชอบ
3.1 ผู้อำนวยการฝ่ายขาย
- พิจารณาอนุมัติใบเสนอราคา
3.2 ผู้จัดการส่วนค้าส่งโครงการ
- รับผิดชอบเป้าการขาย
3.3 พนักงานขาย (พนักงานขายนอกสำนักงาน / พนักงานขายในสำนักงาน)
- นำเสนอขายต่อลูกค้า
- จัดทำรายงานการปฏิบัติงานประจำวัน
- จัดทำใบเสนอราคา
3.4 ธุรการขาย
- บันทึกทะเบียนใบเสนอราคา
- ประสานงานด้านการขาย
4. คำจำกัดความ
- บริษัทฯ หมายถึง บริษัท นพดลพานิช จำกัด
- ลูกค้าส่วนค้าส่งโครงการ หมายถึง ลูกค้าโครงการ, บ้านจัดสรร, ร้านค้า และหน่วยงานราชการ ที่มีการสั่งซื้อเป็นประจำ
- พนักงานขาย หมายถึง พนักงานที่ออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ และพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน
- ธุรการขาย หมายถึง พนักงานที่ประจำในสำนักงานเพื่อประสานงานด้านการขายระหว่างภายในและภายนอกองค์กร และบันทึกทะเบียนข้อมูล ต่าง ๆ ของแผนก
5. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- -
6. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
7. รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
7.1 กรณีโทรศัพท์สั่งซื้อสินค้า หรือโทรศัพท์ขอราคา
- ให้บันทึกข้อมูลการรับคำสั่งจากการโทรศัพท์ลงใน ใบแบบฟอร์มบันทึกข้อตกลงกับลูกค้า (RT3-F01)
- จัดทำใบเสนอราคา (WS3-F01) ในระบบ BC ดังนี้
- เข้าระบบ BC ด้วย รหัสผ่านของพนักงานขาย
- เลือกคำสั่ง “ จัดขาย ”
- เลือกคำสั่ง “ บันทึกใบเสนอราคาสินค้า ”
- เลือกเงื่อนไขการขาย ดังนี้
- QCV คือ ขายเชื่อ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- QHV คือ ขายสด รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- บันทึกข้อมูลการรับคำสั่งซื้อลงใน รายการใบเสนอราคา (WS3-F01)
- บันทึกข้อมูลใบเสนอราคา (F-WS-301) และสั่งพิมพ์
7.2 กรณีมีการส่งโทรสารใบสั่งซื้อ
มีการทราบราคาแล้วในเบื้องต้น หรือมีการสั่งซื้อมาแล้วระยะหนึ่ง ให้จัดทำใบเสนอราคาในระบบ BC ประกบกับใบสั่งซื้อ ก่อนออกเอกสารการสั่งขายทุกครั้ง
ให้นำข้อมูลจาก ใบสั่งซื้อของลูกค้า จัดทำเป็นใบเสนอราคา (WS3-F01) ในระบบ BC ดังนี้
- เข้าระบบ BC ด้วย รหัสผ่านของพนักงานขาย
- เลือกคำสั่ง “ จัดขาย ”
- เลือกคำสั่ง “ บันทึกใบเสนอราคาสินค้า ”
- เลือกเงื่อนไขการเสนอราคา ดังนี้
- QCV คือ ขายเชื่อ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- QHV คือ ขายสด รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- QCN คือ ขายเชื่อ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- บันทึกข้อมูลการรับคำสั่งซื้อลงใน รายการใบเสนอราคา
- บันทึกข้อมูลใบเสนอราคา และสั่งพิมพ์
7.3 กรณีส่งโทรสารด้วยใบขอราคา
เพื่อขอทราบราคาเบื้องในการพิจารณาซื้อ ให้จัดทำใบเสนอราคา (WS3-F01) ด้วยระบบ BC ดังนี้
- เข้าระบบ BC ด้วย รหัสผ่านของพนักงานขาย
- เลือกคำสั่ง “ จัดขาย ”
- เลือกคำสั่ง “ บันทึกใบเสนอราคาสินค้า ”
- เลือกเงื่อนไขการขาย ดังนี้
- QCV คือ ขายเชื่อ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- QHV คือ ขายสด รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- QCN คือ ขายเชื่อ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- บันทึกข้อมูลการรับคำสั่งซื้อลงใน รายการใบเสนอราคา (WS3-F01)
- บันทึกข้อมูลใบเสนอราคา (WS3-F01) และสั่งพิมพ์
หมายเหตุ
- กรณีเป็นการจัดทำใบเสนอราคา (WS3-F01) เพื่อแก้ไข จากการต่อรองจากลูกค้าให้ระบุการ REVICE ครั้งใหม่ทุกครั้ง
- พนักงานขายนำเสนอเพื่อขออนุมัติ โดยผ่านหัวหน้าแผนก, ผู้จัดการส่วนค้าส่ง และผู้อำนวยการฝ่าย
- กรณีที่ไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติให้ย้อนไปแก้ไขในขั้นตอนการจัดทำใบเสนอราคา (WS3-F01) เพื่อนำเสนอเพื่อขออนุมัติ
- กรณีที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติให้นำใบเสนอราคา (WS3-F01) ลงบันทึกในทะเบียนบันทึกใบเสนอราคา (WS3-F02)
- กรณีผู้อำนวยการฝ่ายไม่อยู่ให้ ผู้จัดการส่วนค้าส่ง สามารถอนุมัติแทนได้
3. พนักงานธุรการขาย บันทึกใบเสนอราคา (WS3-F01) ในทะเบียนบันทึกใบเสนอราคา (WS3-F02) พร้อมทั้งกำหนดสถานะของใบเสนอราคา (WS3-F01) ในกรณีที่ลูกค้าตอบรับการเสนอราคาให้ดึงไปทำใบสั่งขาย (F-WS-404)
8. แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
- ใบเสนอราคา
- ทะเบียนบันทึกใบเสนอราคา
WI-SA1-002 การเสนอขายและรับคำสั่งขาย
1. วัตถุประสงค์
- ระเบียบปฏิบัติฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ฝ่ายขายถือเป็นแนวทางในการปฎิบัติใน การให้บริการและรับข้อตกลง ของลูกค้า ให้สามารถปฎิบัติในทิศทางเดียวกัน อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุ KPI ในเรื่องการเสนอขายและรับคำสั่งซื้อ
2. ขอบข่าย
- ใช้เป็นกรอบแนวทางการปฎิบัติเพื่อการให้บริการและรับข้อตกลง เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าโดยการชำระเงินทันทีหรือเก็บเงินปลายทางเมื่อส่งสินค้าถึงหน่วยงานไม่รวมถึงลูกค้าที่ซื้อ –ขายเป็นเงินเชื่อ
3. คำจำกัดความ
- ผจก.ค้าปลีก หมายถึง ผู้จัดการค้าปลีกที่ดูแลในส่วนของการค้าปลีก
- Division หมายถึง หัวหน้าฝ่ายขาย/หัวหน้าฝ่ายบริการ
- Duty Manager หมายถึง ผู้จัดการประจำวัน
- พนักงานขาย หมายถึง พนักงานประจำสินค้า (CA) / พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (CR)
- แคชเชียร์ (CH) หมายถึง พนักงานเก็บเงินในส่วนของการขายปลีก
- POS หมายถึง เครื่องบันทึกการรับเงินโดยการยิงผ่านเครื่องอ่านบาร์โค๊ด
4. หน้าที่และความรับผิดชอบ
- ผจก.ค้าปลีก มีหน้าที่ พิจารณาอนุมัติใบเสนอราคา
- Division มีหน้าที่ ตรวจสอบความเตรียมพร้อมในการให้บริการ
- Duty Manager มีหน้าที่
- Morning Brief แจ้งข่าวสารประจำวัน
- แก้ไขสถานการณ์ประจำวันที่เกิดขึ้น
- รับทราบปัญหาพร้อมดำเนินการแก้ไข
- ตรวจสอบตามแบบฟอร์ม Check List ประจำวัน
- พนักงานขาย มีหน้าที่
- ให้บริการลูกค้า พร้อมทั้งคำแนะนำและตอบข้อซักถามของลูกค้า
- จัดทำเอกสารในการขายต่างๆ ได้แก่ ใบสั่งขาย ใบสั่งจองสินค้า ใบเสนอราคา ใบ Back Order
- เตรียมความพร้อมการบริการ
- แคชเชียร์ มีหน้าที่
-
เก็บเงินและตรวจนับให้ถูกต้อง ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่ลูกค้านำมาชำระ
-
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
การเสนอขายและการรับใบสั่งซื้อ แบ่งการพิจารณาตามการสั่งซื้อของลูกค้า แยกเป็น 4 กรณี คือ
5.1 กรณีที่ 1 ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าเอง
ขั้นตอนการทำงาน
- ลูกค้าเลือกสินค้า ในส่วนของโฮมมาร์ทแม็กซ์ จะเป็นส่วนที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าเองได้ตามชั้นวาง และที่เก็บสินค้า ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดหมู่
- นำสินค้าบันทึกการขายจุด POS เมื่อลูกค้าได้เลือกสินค้าที่ตนเองต้องการแล้ว ก็จะนำสินค้าดังกล่าว มายังจุดรับชำระเงิน ซึ่ง ณ จุดนี้จะมีพนักงาน CH บริการแก่ลูกค้า
- ทำการบันทึกการขาย สอบถามบัตรสมาชิกในขั้นตอนการชำระเงินพนักงาน CH จะทำการสอบถามถึงบัตรสมาชิกของลูกค้า เพื่อเป็นยอดในการ สะสมแต้มของบริษัท ในการแลกของรางวัลต่าง ๆ จากนั้นก็จะทำการคิดค่าสินค้า Scan Barcode โดยใช้ระบบ POS และบอกจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องชำระให้ลูกค้า
- ชำระค่าสินค้า เมื่อพนักงาน CH ได้แจ้งยอดค่าสินค้าให้กับลูกค้าแล้ว ลูกค้าก็จะทำการชำระค่าสินค้าดังกล่าว ให้กับ พนักงาน พนักงาน CH จะทำการนับเงินและจะทวนจำนวนเงินที่ลูกค่าส่งมอบให้แก่ลูกค้าอีกครั้ง ในกรณีที่มีเงินทอนพนักงาน CH ก็จะทำการทวนยอดเงินทออนให้กับลูกค้าอีกครั้ง
- จ่ายสินค้าให้กับลูกค้า เมื่อพนักงาน CH ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 4 แล้ว ก็จะมอบสินค้าให้กับลูกค้าพร้อม ใบเสร็จรับเงินอน่างย่อให้กับลูกค้า และกล่าวขอบคุณลูกค้า
5.2 กรณีที่ 2 ลูกค้าสั่งสินค้า ณ จุด CR
ผู้รับผิดชอบ กระบวนการ เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการทำงาน
- รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าต้องการสินค้าจำนวนมาก ต้องการใช้บัตรเครดิต และต้องรับสินค้าหลายที่เก็บ พนักงาน CR จะเป็นผู้ดำเนินการออกเอกสารและรับคำสั่งซื้อของลูกค้า
- ตรวจสอบสินค้า เมื่อรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าว่าลูกค้าต้องการสินค้าใด จำนวนเท่าไหร่ พนักงาน CR ก็จะทำการตรวจสอบสินค้าในคลัง ว่ามีสต๊อคสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ในกรณีไม่มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้าก็จะเข้าไปสู่กรณีที่ 4 สินค้าไม่มีใน Stock ในกรณีที่มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
-
- แจ้งราคาสินค้าให้กับลูกค้า จากนั้นพนักงาน CR จะทำการแจ้งราคาสินค้าให้กับลูกค้าได้รับทราบ
- ลูกค้าพิจารณาราคา ต่อรองเมื่อลูกค้าได้รับทราบราคาสินค้าแล้วก็จะพิจารณาราคา และต่อรองราคาสินค้า ในกรณีที่ลูกค้าต่อรองราคาพนักงาน CR จะทำการพิจารณาได้ในราคา 1 และ ราคา 2 ระดับราคาที่ทางร้านกำหนดเป็นมาตรฐานไว้ หากต้องกำหนดราคาที่ตำกว่าราคา 2 ให้ผ่านการอนุมัติและเห็นชอบจากระดับผู้จัดการร้าน Servise Division / Sale Division/ ผู้อำนวยการ และแจ้งราคาที่สามารถ
ลดราคาได้ให้กับลูกค้า จนลูกค้าพึงพอใจ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ต่อรองราคาและมีความพึงพอใจในราคานั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป - การให้ส่วนลดลูกค้าที่ตำกว่าราคา 2 และมีการเสนอขายลูกค้าเกิดการขายขาดทุนขึ้น พนักงานและผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบส่วนต่างที่อาจจะเกิดขึ้น
- ออกเอกสารใบสั่งขาย ใบสั่งจองสินค้าเมื่อลูกค้าพึงพอใจในด้านสินค้าและราคาแล้ว พนักงานขาย CR ก็จะทำการออกเอกสาร FM-WS-002 ใบสั่งขาย หรือ F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า
-
- พิจารณาการจัดส่ง เมื่อออกเอกสารแล้วพนักงานขาย CR จะสอบถามการรับสินค้าแก่ลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง หรือต้องการให้บริษัทฯ ส่งสินค้าให้กับลูกค้า
กรณีที่ลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง
-
- พนักงาน CR จัดทำใบหยิบสินค้า เพื่อให้พนักงานคลัง จัดสินค้าตามใบหยิบสินค้า
- แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า
- ให้พนักงาน CH รับชำระค่าสินค้า พร้อมออกเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า
- ส่งมอบเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าเพื่อนำเอกสารไปรับสินค้า
- ลูกค้านำเอกสารใบกำกับภาษีไปรับสินค้า เข้าสู่กระบวนการเตรียมและจ่ายสินค้าต่อไป
- กรณีลูกค้ายังไม่มารับสินค้า ให้ออกเป็นใบมัดจำก่อนเสมอ
กรณีที่ลูกค้าต้องการให้บริษัทฯ เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้
-
- พนักงาน CR แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า หรือ รับเงินมัดจำ ค่าสินค้าให้กับลูกค้า
- พนักงาน CR จัดทำเอกสาร F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง
- ส่งเอกสาร FM-WS-002 ใบสั่งขาย หรือ F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง ให้แผนกจัดส่ง
- เข้าสู่กระบวนการวางแผนงานจัดส่ง
5.3 กรณีที่ 3 ลูกค้าต้องการใบเสนอราคา
ผู้รับผิดชอบ กระบวนการ เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการทำงาน
- รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า CA CR การรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า จะมีการรับคำสั่งซื้อจากพนักงาน CA ซึ่งในการรับคำสั่งซื้อของ พนักงาน CA จะต้องจัดทำใบขอตกลงกับลูกค้า และต้องให้ทาง Section Manager เป็นผู้ทำการตรวจสอบราคา เมื่อตรวจสอบราคาแล้ว ก็นำเอกสารส่งให้กับทางพนักงาน CR จัดทำใบเสนอราคา ส่วนในด้านการรับคำสั่งซื้อของ CR นั้นสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องผ่านSection Manager
- จัดทำใบเสนอราคา เมื่อได้ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามข้อ 1 แล้ว พนักงาน CR จะจัดทำเอกสาร F-ws-301 ใบเสนอราคา ตามสินค้าที่ลูกค้าต้องการ
- Division พิจารณาอนุมัติหลังจากที่จัดทำจัดทำเอกสาร F-ws-301 ใบเสนอราคา แล้ว พนักงาน CR จะทำการส่งมอบให้กับ Division เพื่อพิจารณาอนุมัติเอกสาร F-WS-301 ใบเสนอราคา เมื่ออนุมัติแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
- ส่งเอกสารใบเสนอราคาให้กับลูกค้า พนักงาน CR CA จะส่งมอบเอกสาร F-WS-301 ใบเสนอราคา ให้กับลูกค้า
- ลูกค้าพิจารณาราคา ต่อรองราคา เมื่อลูกค้าได้รับเอกสาร F-WS-301 ใบเสนอราคา จะทำการพิจารณาราคา เปรียบเทียบ และทำการต่อรองราคากับพนักงานขาย ซึ่งหากมีการต่อรองราคาลูกค้าต้องการให้ลดราคาลงอีก ก็จะกลับไปเริ่มกระบวนการในข้อ 1 อีกครั้ง หากลูกค้าพึงพอใจในราคาที่เสนอก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
- ออกเอกสารใบสั่งจองสินค้า เมื่อลูกค้าตกลงและยอมรับราคาในเอกสารใบเสนอราคาแล้ว พนักงานขายก็จะดำเนินการ ออกเอกสาร F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อไป
- พิจารณาการจัดส่ง เมื่อออกเอกสารแล้วพนักงานขาย CR จะสอบถามการรับสินค้าแก่ลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง หรือต้องการให้บริษัทฯ ส่งสินค้าให้กับลูกค้า
กรณีที่ลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง
-
- พนักงาน CR จัดทำใบหยิบสินค้า เพื่อให้พนักงานคลัง จัดสินค้าตามใบหยิบสินค้า
- แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า
- ให้พนักงาน CH รับชำระค่าสินค้า พร้อมออกเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า
- ส่งมอบเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าเพื่อนำเอกสารไปรับสินค้า
- ลูกค้านำเอกสารใบกำกับภาษีไปรับสินค้า เข้าสู่กระบวนการเตรียมและจ่ายสินค้าต่อไป
กรณีที่ลูกค้าต้องการให้บริษัทฯ เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้
-
- พนักงาน CR แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า หรือ รับเงินมัดจำ ค่าสินค้าให้กับลูกค้า
- พนักงาน CR จัดทำเอกสาร F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง
- ส่งเอกสาร FM-WS-002 ใบสั่งขาย หรือ F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง ให้แผนกจัดส่ง
- เข้าสู่กระบวนการวางแผนงานจัดส่ง
5.4 กรณีที่ 4 สินค้าไม่มีในสต๊อค
ขั้นตอนการทำงาน
- รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า พนักงานขายทำการรับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า
- ตรวจสอบสินค้า พนักงานทำการตรวจสอบสินค้า หากพบว่าสินค้ามีเพียงพอที่ลูกค้าต้องการ ให้เข้าสู่กรณีที่ 2 ในกรณีที่ไม่มีสินค้าในคลัง พนักงานขายทำการแจ้งลูกค้า หากลูกค้าต้องการจะเป็นสั่งสินค้าเป็นพิเศษให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าตกลงก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ต่อไป
- จัดทำเอกสารใบรับข้อตกลงลูกค้า เมื่อลูกค้ายินยอมให้พนักงานดำเนินการสั่งสินค้าให้กับลูกค้า พนักงานขายจะต้องทำเอกสาร FM-SA-003 ใบบันทึกรับข้อตกลงของลูกค้า ไว้เป็หนหลักฐาน จากนั้นเก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
- จัดทำใบ Back Order เมื่อพนักงานได้ทำการบันทึก FM-SA-003 ใบบันทึกรับข้อตกลงของลูกค้า แล้ว ก็จะจัดทำ FM-WS-003 ใบ Back Order และจัดพิมพ์ใบกำกับสินค้า FM-GR-003 ใบกำกับสินค้า Back Order
- เปลี่ยนใบ Back Order เป็นเอกสารใบสั่งขาย/สั่งจองสินค้า เมื่อจัดทำเอกสารในข้อ 4 เสร็จแล้ว พนักงานก็จะทำการ Transfer เอกสารดังกล่าว เป็น FM-WS-002 ใบสั่งขาย หรือ F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า เพื่อดำเนินการแจ้งยอดเงินมัดจำ 30 % ของราคาสินค้า กับลูกค้า
- เก็บเงินมัดจำ 30% ของมูลค่าสินค้าทั้งหมด เมื่อดำเนินด้านเอกสารเสร็จ พนักงานก็จะแจ้งเก็บยอดเงินมัดจำค่าสินค้าที่สั่งให้กับ
- ลูกค้าในอัตรา 30% ของมูลค่าสินค้า และจัดส่งให้พนักงาน CH ออกเอกสารให้กับลูกค้าไว้เป็นหลักฐานในการมารับสินค้าและชำระเงินที่คงค้างหลังจากมัดจำแล้ว 30%
- ส่งเอกสารให้จัดซื้อ พนักงานขายจะทำการส่งเอกสาร FM-WS-003 ใบ Back Order และจัดพิมพ์ใบกำกับสินค้า FM-GR-003 ใบกำกับสินค้า Back Order ให้กับแผนกจัดซื้อ เพื่อดำเนินการสั่งซื้อสินค้าให้กับลูกค้า
- สินค้าที่สั่งซื้อมีการรับเข้า เมื่อสินค้าที่สั่งซื้อเข้ามาได้รับเข้าตามเอกสาร FM-GR-005 ใบบันทึกผลการตรวจรับสินค้าเข้าคลังซึ่งได้รับแจ้งจากทางแผนกตรวจรับสินค้า ทาง E-Mail หรือทางโทรศัพท์ พนักงานขายก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
- แจ้งลูกค้าเพื่อรับสินค้า เมื่อได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่สั่งพิเศษ ได้มีการรับเข้าแล้ว พนักงานขายก็จะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อมารับสินค้า พร้อมแจ้งยอดค้างชำระค่าสินค้าแก่ลูกค้า
- พิจารณาการจัดส่ง เมื่อออกเอกสารแล้วพนักงานขาย CR จะสอบถามการรับสินค้าแก่ลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง หรือต้องการให้บริษัทฯ ส่งสินค้าให้กับลูกค้า
กรณีที่ลูกค้าต้องการรับสินค้าด้วยตนเอง
-
- พนักงาน CR จัดทำใบหยิบสินค้า เพื่อให้พนักงานคลัง จัดสินค้าตามใบหยิบสินค้า
- แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า
- ให้พนักงาน CH รับชำระค่าสินค้า พร้อมออกเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า
- ส่งมอบเอกสารใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าเพื่อนำเอกสารไปรับสินค้า
- ลูกค้านำเอกสารใบกำกับภาษีไปรับสินค้า เข้าสู่กระบวนการเตรียมและจ่ายสินค้าต่อไป
กรณีที่ลูกค้าต้องการให้บริษัทฯ เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้
-
- พนักงาน CR แจ้งให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า หรือ รับเงินมัดจำ ค่าสินค้าให้กับลูกค้า
- พนักงาน CR จัดทำเอกสาร F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง
- ส่งเอกสาร F-WS-404 ใบสั่งขาย หรือ F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง ให้แผนกจัดส่ง
- เข้าสู่กระบวนการวางแผนงานจัดส่ง
6. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- PM-CH-001 การรับเงินผ่านจุด POS
- FM-WS-002 ใบสั่งขาย
- F-RT-302 ใบสั่งจองสินค้า
- F-DS-101 ใบเข้าคิวขนส่ง
- F-WS-301 ใบเสนอราคา
- FM-SA-003 ใบบันทึกรับข้อตกลงของลูกค้า
- FM-WS-003 ใบ Back Order
- FM-GR-003 ใบกำกับสินค้า Back Order
- FM-GR-005 ใบบันทึกผลการตรวจรับสินค้าเข้าคลัง
- FM-CH-001 ใบเสร็จรับเงิน
WI-SA1-003 การควบคุมสินค้า SPO และสินค้า Back Order
1. วัตถุประสงค์
- เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางขั้นตอนในการสั่งสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Back order) เพื่อควบคุม และลดสต๊อคสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ที่เกิดจากการสั่งซื้อ ที่ตกค้างเนื่องจากลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อ, สั่งผิด และการทุจริตสั่งสินค้าเพื่อให้ได้เป้าของ Supplier เพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล
- แยกกรณีใดออกไปเป็นเอกสารใหม่ WI-SA-010 คู่มือการขายสินค้าคอนกรีตซีแพค
2. ขอบข่าย
- เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติงานในการสั่งซื้อสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Back order) ของบริษัท นพดลพานิช จำกัด (สนญ.) และSCG Home Solution แยกต้นเปา
3. อุปกรณ์/เครื่องมือ
- คอมพิวเตอร์ที่มีระบบ BC Account
4. หน้าที่ความรับผิดชอบ
ตำแหน่ง |
หน้าที่ |
พนักงานขาย |
รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าพร้อมกับอธิบายรายละเอียดในการสั่งสินค้าพิเศษให้กับลูกค้าทราบ รวมถึงการติดตามสินค้าจนกว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าเรียบร้อยตามกำหนดเวลาที่ลูกค้าต้องการ |
เจ้าหน้าที่จัดซื้อ |
จัดซื้อสินค้าจาก Supplier ให้กับลูกค้า ตาม Order ที่สั่งซื้อ โดยควบคุมให้การจัดซื้อรัดกุม ไม่ปล่อยให้มีสินค้า Dead Stock เกิดขึ้นจากการสั่งสินค้าที่ไม่มีการมัดจำ หรือข้ามขั้นตอนอนุมัติ |
เจ้าหน้าที่ตรวจรับสินค้า |
ตรวจสินค้าก่อนรับเข้า และแจ้งพนักงานขายและเจ้าหน้าที่จัดซื้อเมื่อมีสินค้าสั่งพิเศษ และสินค้า Back order เข้ามา เพื่อประสานงานส่งสินค้าให้กับลูกค้า |
5. คำจำกัดความ
- สินค้าสั่งพิเศษ (Special-Order Item) คือ สินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสั่งผลิต, สินค้าสั่งตัดเฉพาะงาน เช่น ผนังวิลลี่ , ไม้พื้นลามิเนต , ประตูไซด์พิเศษ เป็นต้น
- สินค้าไม่มีในสต๊อก (Back order) คือ สินค้าที่มีขายในร้านปกติแต่สินค้าหมดสต๊อกชั่วคราว แต่จะมีการสั่งสินค้ามาเพิ่มภายหลัง
(การสั่งสินค้า Backorder เป็นการจองสินค้าไว้ก่อน) - เงินรับมัดจำ (Deposit) หมายถึง เงินขั้นต้นจำนวนหนึ่งที่ผู้สั่งซื้อชำระแก่ผู้ขาย เพื่อเป็นหลักประกันยืนยันว่าผู้ซื้อจะไม่ยกเลิกคำสั่งซื้อในภายหลัง หากลูกค้ายกเลิกการรับสินค้าในภายหลัง จะไม่สามารถเรียกคืนเงินมัดจำได้ และพนักงานจะต้องออกใบจองสินค้า ควบคู่กับใบรับเงินมัดจำ เพื่อให้สามารถระบุสินค้าที่มัดจำไว้ได้
6. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ใบสั่งขาย
- ใบสั่งจอง
- ใบรับเงินมัดจำ
- ประกาศนโยบายสินค้า SPO
7. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- เมื่อลูกค้าต้องการสั่งซื้อสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) หรือสินค้าขาดสต๊อก (Backorder) พนักงานขายจะต้องให้ลูกค้าลงชื่อในข้อตกลงท้ายเอกสาร ที่จะมีรายละเอียดดังนี้จะต้องอธิบายเงื่อนไขการสั่งซื้อให้ลูกค้าทราบดังนี้
- สินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ต้องมีการมัดจำสินค้า 100% เนื่องจากเป็นสินค้าสั่งพิเศษ ไม่มีขายทั่วไป หรือเป็นสินค้าที่ใช้เฉพาะงานนั้นๆจะต้องมีการสั่งผลิต สั่งตัดเฉพาะชิ้นงาน จึงจำเป็นต้องมัดจำ 100% เพื่อป้องกันการยกเลิกสินค้ากลางคัน
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้ ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ |
- สินค้า Back order ต้องมีการมัดจำสินค้าอย่างน้อย 30% ของราคาสินค้าที่สั่ง เพื่อเป็นการยืนยันการสั่งจอง
ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารใบสั่งซื้อจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานมาก่อนและมีการทำเอกสารตั้งเบิกตามมาเป็นลำดับ (หากหน่วยงานราชการใดทำเอกสารไม่เรียบร้อยและเกิดความเสียหาย พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ) |
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้ ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้
แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป |
- ลูกค้าพิจารณาเงื่อนไขในการสั่งสินค้า เพื่อตัดสินใจสั่งสินค้า
- ลูกค้าไม่ต้องการสั่งสินค้า ให้พนักงานขายเสนอสินค้าอื่นๆที่ลูกค้าต้องการ หรือปิดการขายหากลูกค้าไม่ต้องการสินค้าอื่นอีก
- ลูกค้าต้องการสั่งสินค้า ให้พนักงานสอบถามรายละเอียดสินค้า วันที่ลูกค้าต้องการสินค้า และวิธีการจัดส่ง โดยระบุในเอกสารการมัดจำสินค้า และจัดทำใบ SPO หรือ ใบ Back order
- พนักงานขายออกบิลค่ามัดจำสินค้า พร้อมเรียกเก็บเงินค่ามัดจำสินค้าจากลูกค้า
- ยื่นเอกสารการมัดจำสินค้าและบิลค่ามัดจำสินค้าให้กับลูกค้า
- พนักงานขายแจ้งฝ่ายจัดซื้อให้ดำเนินการสั่งซื้อสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ ตามเอกสารใบ SPO หรือใบ Back order
- Supplier จัดส่งสินค้าตาม order
- สินค้า Pass ส่งให้กับลูกค้าทาง Supplier ประสานงานกับทางฝ่ายจัดซื้อเพื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าเลยโดยไม่ต้องส่งสินค้าผ่านบริษัท ทางพนักงานขายจะออกบิลขายให้กับลูกค้าในภายหลัง
- สินค้าส่งที่บริษัท ทางแผนก GR จะตรวจสอบสินค้าเพื่อรับเข้าตามใบสั่งซื้อ PO จากนั้นทางGR จะดำเนินการโอนสินค้าเข้าคลัง โดยสินค้า SPO จะโอนเข้าคลัง SPO ส่วนสินค้า Back order จะโอนเข้าคลัง BOD และแจ้งให้พนักงานขายและฝ่ายจัดซื้อทราบว่ามีสินค้า SPO / Back order รับเข้ามา จากนั้นพนักงานขายจะแจ้งให้กับลูกค้าทราบว่าสินค้าที่ได้สั่งไว้มาแล้วให้ลูกค้ามารับสินค้าได้ หรือแจ้ง วัน เวลา ที่จะนำสินค้าไปส่ง พร้อมแจ้งยอดเงินที่คงค้างชำระ(ถ้ามี)
- เมื่อลูกค้ามารับสินค้า / ชำระยอดเงินที่คงค้างให้พนักงานขายออกบิลขายให้กับลูกค้า พร้อมรับสินค้าหรือจัดคิวจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่อไป
เงื่อนไขการสั่งซื้อ สั่งจองสินค้า
เพื่อให้เกิดความตระหนักในการเฝ้าระวัง และบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงกำหนดมาตรการหลักดังนี้
- “เรียกเก็บค่าฝากสินค้า 1% ต่อเดือน” จากสต๊อกที่ผิดเงื่อนไขไม่ว่าในกรณีใด จากส่วนงานที่รับผิดชอบ เช่นหักจาก Incentive และ Commissionของพนักงานขายที่รับผิดชอบการสั่งสินค้า
ระเบียบปฏิบัติในการสั่งซื้อสินค้า
- สินค้า Back Order
สินค้าที่มีขายปกติ (Stock Item) ที่ต้องการจองสินค้า ออก Back order เกินกว่าปริมาณสั่งซื้อสูงสุด ต้องวางเงินมัดจำ 30% ยกเว้น ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารการตั้งเบิกเป็นระบบ
(พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้ ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้
แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป |
ในกรณีลูกค้าจองใช้สินค้า
|
- สินค้าสั่งพิเศษ SPO (Special-Order Item)
ห้ามนำเข้า stock ในร้านให้ Drop-ship (Pass ส่งเข้าหน้างาน) เท่านั้น เว้นแต่
- ลูกค้าชำระเงินมัดจำ 100% ของมูลค่าสินค้า หรือ
- ลูกค้ายินดีชำระค่าบริการฝากสินค้า 1% ของมูลค่าสินค้า หรือ
- ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารการตั้งเบิกเป็นระบบ (พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้ ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ |
กำหนดเวลาการรับสินค้าและส่งมอบ “สินค้าสั่งพิเศษ" (Special Order Item)
- ห้ามรับสินค้าเข้าคลังก่อนกำหนดนัดลูกค้าเกิน 30 วัน หากไม่มีหมายเหตุ หรือเหตุผลอันควรแจ้งล่วงหน้ากับแผนกบริหารสินค้าเมื่อสั่งซื้อ พนักงานขาย หรือพีซี ที่สั่งจะต้องรับผิดชอบค่าฝากสินค้า หรือมิฉะนั้นแผนก GR ก็ห้ามรับสินค้าเข้าคลัง
- ให้วางแผนร่วมกับลูกค้า ให้สามารถรับสินค้าเข้าไซต์งานภายใน 30 วันหลังจากวันที่นัดส่ง หากผิดจากเงื่อนไขฝ่ายการเงินจะคิดค่าฝากสินค้า 1% จากมูลค่าสินค้าต่อเดือน โดยนับจากวันแรกที่เกิน ซึ่งจะหักจากเงินมัดจำที่ลูกค้าวางไว้
- หากลูกค้าไม่ยินยอมชำระ ให้หักค่าฝากสินค้า 1% นั้นจาก Incentive และ Commission ของพนักงานขาย
การคำนวณการหักค่าฝากสินค้าสั่งพิเศษ
1. แจ้งสถานะทุกสัปดาห์
มีการรายงานแจ้งสถานะการคิดค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ โดยแผนกคอมพิวเตอร์จะส่งให้กับพนักงานทุกท่านได้ทราบทาง e-mail หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 ประกอบ
2. คำนวนค่าบริการฝากสินค้า SPO ประจำเดือน
ทุกวันที่ 1 ของเดือน จะคำนวณสรุปค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ของเดือนที่ผ่านมาระบบจะส่ง Mail รายงานสรุป ให้กับพนักงานได้ทราบ หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 จากศูนย์กลางรายงาน
3. นำยอดคำนวณไปหักตามรอบการจ่าย Incentive
ทุกวันที่ 28 ของเดือน จะมีการคำนวณการจ่ายค่า Incentive และนำค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ที่คำนวณไว้เมื่อวันที่ 1 มาหักจากค่า Incentive ที่พนักงานขายได้รับ
ข้อกำหนดในการจัดการปัญหาโดยทั่วไป
- กรณีลูกค้ายกเลิกสินค้า SPO ให้พนักงานขายติดตามส่งคืนร่วมกับบริหารสินค้าโดยด่วน
- หากไม่สามารถส่งคืนสินค้าให้ Supplier ได้ พนักงานขายมีหน้าที่ร่วมกับผู้จัดการทีมขายผลักดันสินค้าออกจากร้าน
- หากพนักงานลาออก ภาระค่าฝากสินค้าในแต่ละเดือนจะตกเป็นของทีมรับผิดชอบร่วมกัน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ถือว่าหัวหน้าทีมจะต้องรับผิดชอบก่อน
- หากต้องการผ่อนผัน ให้วางแผนแก้ไขปัญหามาเสนอกรรมการผู้จัดการ (เฮียทอม) ก่อนสิ้นเดือน มิฉะนั้นรายงานจะถูกส่งให้กรรมการผู้จัดการลงชื่อเพื่อดำเนินการหักเงิน Incentive ตามข้อตกลงนี้
กรณีที่ Supplier ส่งสินค้ามาก่อนกำหนด
ดังกล่าว บริษัทถือว่าเป็นการผลักภาระการสต๊อกสินค้า และจะถือว่ายังไม่ได้รับสินค้า โดยจะทดวันชำระเงินจากวันที่ครบกำหนดชำระจริงตามวันที่นัดส่งมอบเดิมตามใบสั่งซื้อ ด้วยจำนวนวันที่ส่งมาก่อนนัด
ตัวอย่าง
PO นัดรับวันที่ 31 มกราคม ครบกำหนดชำระในรอบบัญชี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ Supplier ส่งสินค้ามาวันที่ 1 มกราคม ระบบคอมพิวเตอร์ จะคำนวณวันนัดชำระเงินใหม่ เป็นรอบบัญชี วันที่ 31 มีนาคม
กรณีปกติ
กรณีพนักงานขายหักเงินมัดจำกับสินค้าอื่นที่ไม่ได้จองไว้
ให้ใช้วิธีปฏิบัติงานการตัดเงินรับมัดจำ
กำหนด KPI เพื่อการควบคุม
- KPI สินค้า Rank C เป็นศูนย์
วัตถุประสงค์
เพื่อควบคุมไม่ให้สินค้าใหม่ที่ขายยาก หลุดเข้ามาค้างสต๊อคขายปลีก และเร่งให้ Vender รับคืนหรือเปลี่ยนสินค้าที่ขายดีมาแทน
กรรมวิธีวัดผล
ประมวลผลทุกวันอาทิตย์ตามยอดขายย้อนหลัง 12 สัปดาห์ (สามเดือน) จัดเรียงอันดับในแต่ละกลุ่มสินค้าย่อย (Sub Category) เฉพาะสินค้าสถานะ “สต๊อกขาย” (Sale Inventory/Re-Order) ไม่ว่าจะมีสต๊อคสินค้าหรือไม่ โดยการจัดอันดับนี้ไม่รวมยอดขายจากคลัง Drop-Ship (หรือคลังค้าส่ง) เพราะถือว่าสินค้าสต๊อคขายควรถูกประเมินจากการขายออกจากคลังค้าปลีกเท่านั้น หากนำยอดขายสินค้าจากการขาย Drop-Ship มาร่วมอาจทำให้เกณฑ์จัดอันดับคลาดเคลื่อนจากยอดขายงานโครงการซึ่งจะมียอดสั่งขายที่ไม่สม่ำเสมอ
โดย...
- A = สินค้าที่ยอดขายสูงสุดรวม 75% ของยอดขายรวมในกลุ่มสินค้าเดียวกัน
- B = สินค้าที่กินยอดขายอีก 20% ถัดมา
- C = สินค้าที่เหลือ ที่มียอดขายไม่ถึง 5% ของยอดขายทั้งกลุ่ม
ตามหลักการจะถือว่า Rank C เป็นสินค้าที่ขายไม่ดี ควรพิจารณานำสินค้าส่งคืน/เปลี่ยนสินค้าใหม่ที่ขายดีมาทดแทน หรือ เปลี่ยนสถานะเป็น “สินค้าสั่งพิเศษ” (Special-Order) หรือ “หยุดซื้อ” (Stop buy) ในกรณีเปลี่ยนสถานะ จะต้องดำเนินการติดตามการคืน หรือผลักดันสินค้าออกไป
แต่อีกนัยหนึ่ง เป็นไปได้ว่าสินค้าที่ขายไม่ดีเพราะไม่มีสต๊อคสินค้า จึงไม่เกิดการขายขึ้น จึงควรพิจารณาสภาพสินค้าที่ติด Rank C ในมุมของโอกาสในการเพิ่มยอดขายด้วยเช่นกัน
Action และ จุดควบคุม
สินค้าใหม่ที่ซื้อครั้งแรกเข้ามาไม่เกิน 1 ปีที่ติด Rank C ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์จะต้องเป็นศูนย์ โดยทำรายงานแจ้งเตือนภายในสัปดาห์ที่ 12 และภายใน 30 วันจะต้องนำออกจากร้าน เว้นแต่ในกรณีพบว่า
- ขายไม่ดีเนื่องจากไม่มีสต๊อค
- เปลี่ยนสถานะเป็นสินค้าสั่งพิเศษ ซึ่งจะอนุญาติให้เหลือเพียงตัวโชว์ และจะถูกวัดผลใน KPI Dead stock 9 เดือนต่อไป
- KPI Dead Stock 9 เดือน
เพื่อควบคุมสินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสต๊อคขาย หรือสินค้าที่หยุดซื้อไปแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวถูกติดตาม
เกณฑ์วัด
สินค้าที่ซื้อครั้งสุดท้ายเกินกว่า 9 เดือน ที่มีสต๊อคคงเหลือ แม้จะมีการขายอยู่ก็ตาม แปลว่าไม่มีการซื้อซ้ำ ควรถูกพิจารณาเปลี่ยนสถานะ หรือผลักดัน หรือส่งคืนออกจากระบบ
Action และ จุดควบคุม
- รายงานสินค้าสั่งพิเศษแจกแจงตามอายุคลัง นับจากวันที่รับเข้า โดยมูลค่าสินค้าสั่งพิเศษ ที่มีอายุเกิน 30 วันควรจะลดลงเรื่อยๆ โดยจะแจกแจงมูลค่าตามช่วงอายุทุกๆ 30 วัน แจกแจงตามรหัสคลัง แยก SPO และ AVL ด้วย
- มูลค่าสินค้าสั่งพิเศษที่จัดเก็บเข้า AVL ที่อายุเกิน 30 วัน ต้องถูกควบคุมป้องกันการผลักสินค้ามีปัญหาเข้าสู่ระบบ ขายปลีก
- รายงานการเรียกเก็บค่าฝากสินค้า
- โดยหักจากเงิน Incentive พนักงานขาย
- สินค้าห้าม Re-Order ที่มียอดสต๊อคอายุเกิน 30 วัน
WI-SA1-004 การให้บริการด้านการออกแบบ
1. วัตถุประสงค์
- เพื่อเป็นแนวทางในการบริการด้านการออกแบบและกำหนดมาตรฐานในด้านการรับงาน การส่งงาน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในด้านการให้บริการของแผนก และเป็นแบบอย่างให้เหมือนกันทุกสาขา
2. ขอบข่าย
- ใช้เป็นกรอบแนวทางในการเพิ่มช่องทางในการขายปลีกและผลักดันสินค้าที่ค้างจำหน่ายให้มียอดขายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
3. คำจำกัดความ
- Component หมายถึง องค์ประกอบหรือวัตถุที่นำมาตกแต่งในห้องที่ได้รับการสร้างขึ้นมา
- Material หมายถึง ลวดลายที่นำมาตกแต่งใส่ลงในวัตถุที่ได้สร้างขึ้นมา
- Render หมายถึง การปับสภาพของแสงในห้องที่เราสร้างขึ้นให้มีความเสมือนจริง และให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ
4. หน้าที่และความรับผิดชอบ
Design Consultant
- รับความต้องการของลูกค้า
- ให้คำปรึกษาด้านการเลือกใช้กระเบื้อง
- ออกแบบให้ลูกค้าและคำนวณจำนวนกระเบื้องที่ต้องใช้ทั้งหมด
พนักงานประจำสินค้า / PC
- แนะนำสินค้า
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ผู้รับผิดชอบ กระบวนการ เอกสารที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
5.1. พนักงานขายรับความต้องการเบื้องต้นของลูกค้า
- ขนาดของห้อง
- ขนาดและลวดลายกระเบื้อง
- สีของห้อง
5.2. เลือกกระเบื้อง
- กรณีลูกค้ายังไม่ได้เลือกกระเบื้อง
- พนักงานขายแนะนำลูกค้าในการเลือกกระเบื้อง และห้องโชว์ - กรณีลูกค้าเลือกกระเบื้องแล้ว
- ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มการรับงานและแนบเอกสาร
* แบบฟอร์มสมัครสมาชิก กรณีที่ลูกค้าต้องการสมัครสมาชิก
* แบบแปลน
5.3. แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเงื่อนไข พร้อมทั้งกำหนด วัน-เวลารับงาน
- แจ้งค่าบริการในการออกแบบให้ชัดเจน
- แจ้งวัน-เวลา นัดรับงานให้ชัดเจน
- สอบถามที่อยู่ สถานที่ติดต่อ ได้สะดวก (เบอร์โทรศัพท์-E-mail)
5.4. ดำเนินการออกแบบ
- สร้างห้อง
- ใส่ Component
- ใส่ Material
- Render แสงสว่าง
- คำนวณจำนวนกระเบื้องที่ต้องการใช้ทั้งหมด
- คำนวณราคากระเบื้องทั้งหมด
5.5. ติดต่อลูกค้า นัดรับงาน
- พร้อมชำระเงินค่าแบบ แบบละ 1,000 บาท
5.6. ลูกค้ารับงาน ตามนัดหมาย
- กรณีลูกค้าพอใจ สามารถรับงานได้ทันที
- กรณีลูกค้าไม่พอใจ
- แก้แบบครั้งแรก ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม - - แก้แบบตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป คิดค่าบริการเพิ่ม ครั้งละ 500 บาทเมื่อลูกค้าพอใจแล้ว สามารถรับงานได้ทันที
บันทึกคุณภาพ (แบบฟอร์ม, รายงาน)
WI-SA1-005 กระบวนการรับฝากซ่อมสินค้า
1. วัตถุประสงค์
- เพื่อเป็นการรับประกันความพึงพอใจของลูกค้าและให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอนของกระบวนการ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีความเข้าใจตรงกัน และมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
2. ขอบข่าย
- การรับบริการซ่อมสินค้าจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่ทางบริษัท นพดลพานิช จำกัด ได้กำหนดไว้
3. คำจำกัดความ
- การบริการรับซ่อมสินค้าที่ซื้อจาก นพดลพานิช มีใบรับประกัน/หมดอายุหรือไม่ก็ตาม กรณีซื้อจากร้านค้าอื่น ไม่มีใบรับประกัน/หมดอายุการรับประกัน
4. หน้าที่และความรับผิดชอบ
- พนักงานประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ รับลงทะเบียนลูกค้าตรวจเช็กสินค้าให้ตรงกับบิลขาย/ใบรับประกัน
- พนักงานขาย/พนักงาน PC มีหน้าที่ ตรวจเช็คสินค้ากับบิลขายอยู่ในระยะประกันหรือไม่ กรณีอยู่ในระยะประกัน ให้เก็บค่าดำเนินการ กับรายการสินค้าจากลูกค้าและใบรับประกันเพื่อความถูก ต้องของสินค้าที่จะรับซ่อม
- ช่างโฮมมาร์ท มีหน้าที่ ตรวจสอบสภาพสินค้าเบื้องต้นว่าซ่อมได้หรือไม่หากซ่อม
ได้ให้ทำการซ่อม หากซ่อมไม่ได้ให้ส่งต่อศูนย์บริการ - Section manager มีหน้าที่ อนุมัติการรับซ่อมและอธิบายขั้นตอนให้ลูกค้าได้รับทราบ และให้ลูกค้าเซนรับทราบในขั้นตอนการซ่อม
- Checker มีหน้าที่ ตรวจสอบสินค้าและใบซ่อม/เคลม ก่อนนำออกร้าน
5. ขั้นตอนการปฏิบัติกรณีลูกค้าซื้อสินค้าจากที่ร้าน นพดลพานิช
6. ขั้นตอนปฏิบัติกรณีลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าจาก นพดลพานิช แต่นำสินค้ามาฝากซ่อม
นโยบายการรับซ่อม(ที่มีใบรับประกัน)และการคิดค่าธรรมเนียมรับซ่อม (สินค้าที่หมดประกัน)
- บริษัทไม่มีนโยบายเปลี่ยนสินค้าที่ใช้แล้วทุกกรณี
- บริษัทรับซ่อมสินค้าที่ซื้อจากที่อื่น ลูกค้าต้องชำระเงินตามจริง
- ค่าใช้จ่ายในการส่งซ่อม ในกรณีที่มีใบรับประกัน ลูกค้าต้องชำระค่าจัดส่งการซ่อมเอง
- ค่าใช้จ่ายในการส่งซ่อม ในกรณีที่ไม่มีใบรับประกัน ลูกค้าต้องชำระเงินค่าจัดส่ง/ค่าอะไหล่/ค่ามือช่างเอง
- ทางบริษัทจำเป็นต้องเก็บเงินค่าดำเนินการเบื้องต้นจำนวน 300 บาท ทุกกรณี
- หากสินค้าไม่มีใบรับประกันทางบริษัทจะโทรแจ้งลูกค้าในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมและให้ลูกค้าตัดสินใจว่าจะซ่อมหรือไม่ หากลูกค้าต้องการซ่อม ต้องโอนเงินค่าซ่อมทันที โดยทางพนักงานต้องแจ้งวันรับของให้ลูกค้าทราบ
รายละเอียดวิธีปฏิบัติ
- แสดงเอกสารใบกำกับภาษี/บิลขาย พร้อมกับสินค้าทุกครั้ง กรณีไม่มีเอกสารมาแสดง ทางร้านขอสงวนสิทธิในการซ่อม
- รับซ่อม สินค้าที่มีใบรับประกันนับจากวันที่ออกบิล
- รับซ่อมสินค้าที่ลูกค้าฝากซ่อมและดำเนินการตามเงื่อนไขข้างต้นแล้วแต่กรณีไป
- ลูกค้าต้องวางเงินมัดจำ และชำระเงินส่วนต่างจากการประกัน และไม่มีใบรับประกัน
- กรณีสินค้าที่มีการซ่อม จะมีทีมช่างที่ผ่านการอบรมจากผู้ผลิตทำการซ่อมแซมให้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม
- การเปลี่ยนคืนสินค้าอ้างอิงตามมาตรฐานของผู้ผลิตและข้อตกลงกับ vendor
WI-SA1-006 Return Policy การรับเปลี่ยน-คืนสินค้า
1. วัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการรับประกันความพึงพอใจของลูกค้า และลดการรับสินค้าผิดเงื่อนไขคืน กลายมาเป็น Dead Stock
2. เงื่อนไขการรับ/เปลี่ยนสินค้า
- รับเปลี่ยนสินค้าไม่เกิน 7 วัน โดยออกเป็นคูปองส่วนลดเพื่อนำไปซื้อสินค้าใหม่ภายใน 30 วัน
- คืนเป็นเงินสดเฉพาะกรณีเกิดจากข้อผิดพลาดของทางร้านเท่านั้น
- สภาพสินค้าต้องสมบูรณ์ กรณีสินค้าขายปลีกมีบาร์โค้ด ต้องติดสติ๊กเกอร์สมบูรณ์
- ลูกค้าต้องตรวจรับสินค้า และปฎิเสธการรับสินค้านั้นทันที หากพบปัญหา แนะนำให้ถ่ายวิดิโอเป็นหลักฐานตั้งแต่เปิดกล่องสินค้า เช่น
สาเหตุการคืน | สินค้าที่คืนต้องอยู่ในสภาพ | |||
บรรจุภัณฑ์ยังไม่ถูกแกะ | อุปกรณ์ครบสมบูรณ์ตามมาตรฐาน | สินค้ายังไม่ถูกใช้งาน | มีใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี | |
สินค้าที่ผิดไปจากที่สั่งซื้อ เช่น ผิดรุ่น ผิดสี จำนวนไม่ครบ หรือสินค้าชำรุดเสียหาย | - | ✓ | ✓ | ✓ |
สินค้าที่มีปัญหาจากตัวผลิตภัณฑ์หรือการติดตั้งโดยบริษัทฯ | - | ✓ | - | ✓ |
สินค้าเสียหายจากการขนส่ง | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
3. หน้าที่และความรับผิดชอบ
- พนักงานขาย/ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ทำเอกสารใบแจ้งการรับคืนสินค้า F-WH-303 โดยตรวจสอบใบส่งของ/ใบกำกับภาษีกับรายการรับคืนสินค้าจากลูกค้า งดรับคืนสินค้าที่ไม่ตรงกับใบส่งของ
- พนักงานจัดส่ง (กรณีส่งรถไปรับคืนสินค้า) มีหน้าที่ นำเอกสารใบแจ้งการรับคืนสินค้า F-WH-303 ตรวจเช็กสินค้าที่รับขึ้นรถให้ตรงกับรายการใบแจ้งการรับคืนสินค้าที่ได้จากพนักงานขาย
- ผู้จัดการร้าน / Duty manager มีหน้าที่ เซ็นอนุมัติรับคืนในเอกสารรับคืนสินค้า
- Cashier มีหน้าที่ ทำเอกสารใบลดหนี้
- Section Manager มีหน้าที่ ตรวจสอบสภาพสินค้าก่อนรับคืนสินค้าเข้าคลัง
4. ขั้นตอนการปฏิบัติ
- ส่งภาพถ่ายสินค้าและเอกสารประกอบการคืนสินค้า/เปลี่ยนสินค้า/เคลมสินค้าที่จำเป็น ได้แก่
- หลักฐานการซื้อขายสินค้า ที่มีเลขที่ใบสั่งสินค้าอยู่ด้วย
- สำเนาบัตรประชาชน (เพื่อเป็นหลักฐานให้สาขาทำการคืนสินค้า) โดยแนบไฟล์เอกสารและรูปภาพทั้งหมดส่งมาที่ไลน์แอด @nopadol
- ลูกค้านำสินค้าพร้อมใบส่งของ/ใบกำกับภาษีเดิมที่ซื้อไปยื่นที่ประชาสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบตัวสินค้า รหัส และชื่อสินค้าในใบส่งของ/ใบกำกับภาษีเดิมตรงกัน/กรอกใบรับคืนสินค้าและลงลายมืิอชื่อช่องที่1(พนักงานผู้รับคืนจากลูกค้า)
- แจ้งผู้จัดการร้าน หรือ Duty manager ตรวจสอบสภาพของสินค้าและความถูกต้องของใบแจ้งการรับคืนสินค้า พร้อมลงลายมือชื่อผู้อนุมัติรับคืน(ช่องที่2)
- แคชเชียร์ออกใบลดหนี้และคิดค่าเสื่อมราคา(ถ้ามี) ลงลายมือชื่อช่องแคชเชียร์(ช่องที่3) ส่งมอบให้เจ้าของผู้ดูแลสินค้า และลงลายมือชื่อในช่องที่4(คลังสินค้า/ผู้รับของเข้าคลัง)
- แคชเชียร์นำส่งเอกสารประจำวันให้แผนกบัญชีโดยมีลายมือชื่อครบทั้ง 4 ช่อง
ข้อควรระวัง
- ให้พนักงานที่เกี่ยวข้องตรวจสภาพสินค้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เช่น
- การบรรจุของสินค้าคงอยู่ในสภาพเดิมหรือไม่?
- มีการแกะสินค้าหรือไม่? หรือมีการทดลองสินค้าหรือไม่?
- สินค้าที่รับคืนจะต้องอยู่ในสภาพที่สามารถพร้อมขายต่อได้ ไม่เสียหาย อยู่ในเงื่อนไขถูกต้องทุกประการ
- ให้พนักงานจัดทำเอกสารการรับคืนสินค้า (F-WH-303) ให้ครบขั้นตอน รวมถึงการถ่ายภาพสภาพสินค้าที่รับคืนโดยละเอียดด้วย
6. ป้ายสื่อสารลูกค้า
นโยบายการรับเปลี่ยน/คืนสินค้า
และการคิดค่าธรรมเนียมรับเปลี่ยนคืนสินค้าที่เกินกำหนดเวลา
- บริษัทยินดีรับเปลี่ยนสินค้าหากมีข้อผิดพลาด หรือเสียหายจากการส่งมอบ หรือไม่พอใจตัวสินค้า
(ยกเว้นสินค้าสั่งพิเศษ) ภายใน 30 วันนับจากวันที่จำหน่ายสินค้าไป - สินค้าที่จะพิจารณารับคืนจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทั้งตัวสินค้าและบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงฉลากบาร์โค้ดสมบูรณ์ สินค้าไม่ถูกเปิดหรือแกะใช้งาน
- บริษัทไม่มีนโยบายคืนเงินสด โดยจะให้เปลี่ยนสินค้า เท่านั้น เว้นแต่อยู่ในดุลย์พินิจของผู้จัดการสาขา โดยออกเป็นคูปองส่วนลด หรือใบรับเงินมัดจำไม่เกินกรณีละ 5,000 บาท หากเกินจากนี้จะต้องทำจดหมายแจ้งขออนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรรมการผู้จัดการ เท่านั้น
- บริษัทไม่มีนโยบายรับคืนสินค้าจากร้านอื่นในทุกกรณี
- กรุณานำสินค้ามาคืน ณ สาขาที่จ่ายสินค้าพร้อมกับเอกสาร ใบกำกับภาษีทุกครั้ง พร้อมของแถมที่จ่ายไป (ถ้ามี) หากมีการคืนสินค้าข้ามสาขาให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการร้าน
- ไม่รับคืนสินค้าที่จำหน่ายไปเกินกว่า 30 วัน เว้นแต่บางกรณีที่ให้อยู่ในดุลย์พินิจของผู้จัดการสาขา ให้รับฝากขายซึ่งจะจ่ายเงินคืนเมื่อจำหน่ายสินค้าได้เท่านั้น
ค่าธรรมเนียมการรับสินค้าคืนเกินกำหนด (Restocking fee)
สินค้าที่ขอคืนเกินกำหนดข้างต้น ต้องผ่านผู้บริหารอนุมัติ และชำระค่าธรรมเนียมตามตารางนี้ หากรับคืนโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม ผู้จัดการที่เซ็นอนุมัติต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
ระยะเวลานับจากวันที่ขายสินค้าไป |
หักค่าธรรมเนียม Restocking fee |
>7 วัน |
30% |
>30 วัน |
50% |
>60 วัน |
70% |
>90 วัน |
ไม่รับเปลี่ยนคืนทุกกรณี |
สินค้าดังต่อไปนี้ไม่รับคืนในทุกกรณี
- สินค้าที่เก็บเงินมัดจำ หรือสั่ง Back Order ให้กับลูกค้า
- สินค้าวางขายในชั้นเก็บแบบบรรจุในกล่อง แพค ลัง มีสภาพไม่สมบูรณ์ มีรอยแกะใช้งานหรือฉีกขาด
- สินค้าที่บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บสต๊อค
- สินค้าขายยาก/สังพิเศษ (Special Order)
- สีผสมจากเครื่องผสมสีทุกยี่ห้อ
- สินค้าเคมีภัณฑ์ที่จะหมดอายุภายในสามเดือน
- สินค้าจัดรายการพิเศษ/สินค้าโปรโมชั่น
- ปูนซิเมนต์และกาวซิเมนต์ ทุกชนิด ไม่รับเปลี่ยนคืนข้ามวัน
อ้างอิงร้านคู่แข่ง
- https://www.dohome.co.th/return-condition
- https://globalhouse.co.th/service/service_pro
- https://www.homemegamart.com/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2/
- https://www.homesukkapan.com/content/view/84
WI-SA1-007 การขายสินค้าคอนกรีตซีแพค
การขายสินค้าคอนกรีตซีแพค
1. วัตถุประสงค์
- เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อควบคุมมาตรฐานในการปฏิบัติงานของ แผนกค้าส่ง โครงการ ลูกค้าสัมพันธ์ พนักงานขาย ในเรื่องของ “กระบวนการขายสินค้า คอนกรีต ซีแพค” เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในด้านการเสนอราคา เงื่อนไขการขายและการจ่ายเงินของลูกค้าที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในการพิจารณาสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า
2. ขอบเขต
- การเสนอขายสินค้าคอนกรีตซีแพคต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกระบวนการทำงานที่กำหนด
3. หน้าที่และความรับผิดชอบ
3.1 ผู้อำนวยการฝ่ายค้าปลีก / ผู้จัดการส่วนค้าส่ง-โครงการ / Store Manager
- พิจารณาอนุมัติใบเสนอราคา
- รับผิดชอบเป้าขาย
3.2 พนักงานขาย
- ส่งใบขอราคาคอนกรีต ให้จัดซื้อ (ตามฟอร์มที่กำหนด)
- นำเสนอขายต่อลูกค้า
- จัดทำใบเสนอราคาคอนกรีต
- ติดตามผลการเสนอราคา เพื่อพิจารณาปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมและต่อรองราคา
- ติดตามผลการสรุปการสั่งซื้อ และให้ลูกค้าออก Po ยืนยันการสั่งซื้อ กรณีลูกค้าไม่มี
po ให้เซ็นต์สั่งซื้อในเอกสารเสนอราคา - ขอเปิด ไซ้ดโค๊ต กับทาง Cpac ให้กับลูกค้า ก่อนเทคอนกรีตทุกครั้ง **ปกติต้องขอเปิดไซด์โค้ทกับทางจัดซื้อ ฝ่ายจัดซื้อประสานงานเปิดไซด์โค้ทกับทาง cpac
- ออกเอกสาร BCV เพื่อให้ทางสินเชื่อเซ็นต์อนุมัตการขาย(กรณีเงินเชื่อ) ส่วนเงินสด โอนเงินก่อนเทคอนกรีตทุกครั้ง หรือต้องมัดจำ 100% **หลังจากลูกค้าทำการยอมรับในเอกสารเสนอราคา ให้ทำการจองคิวเทคอนกรึตกับทาง ศูนย์รับจอง ตามวันและเวลาที่ลูกค้าต้องการ และทำการออกเอกสาร back order และทำการรับมัดจำ 100% (กรณีลูกค้าเงินสด)
- ก่อนการเทคอนกรีต ทางศูนย์จ่ายจะแจ้งรายงานการจองคอนกรีตล่วงหน้า 1 วัน โดยจะส่ง mail เวลา 16.00-16.30 น. ของทุกวัน เพื่อให้ฝ่ายขายทุกช่องทาง
- ทำเอกสาร Back Order ภายในวัน (กรณีมีการจองเทวันจันทร์ ฝ่ายขายต้องจัดทำ back order ส่งขออนุมัติภายในวันจันทร์ เวลา 09.00 น.) หรือหากมีการเทคอนกรีตระหว่างวัน ทางศูนย์จ่ายจะแจ้งทางกลุ่มไลน์ CPAC เพื่อขออนุมัติการเททุกครั้ง
- ฝ่ายขายแจ้งลูกค้าโอนเงินชำระก่อนการเท (กรณีเงินสด) หรือทำเอกสาร BCV ขออนุมัติจากสินเชื่อ (กรณีเงินเชื่อ) หลังจากมีการเทคอนกรีตประจำวันทาง Cpac จะมีเอกสารแจ้งการใช้คอนกรีตโดยส่งมาทาง E-mail ของทุกหน่วยงาน มาให้ทางฝ่ายขาย เพื่อทำเอกสาร BCV ภายในวัน
3.3 พนักงานขาย
- จัดลำดับความสำคัญของการสั่งซื้อ
- จัดทำบันทึกทะเบียนการสั่งซื้อจากลูกค้า
- จัดทำบันทึกทะเบียนการสั่งขาย
- จัดทำบันทึก BACK ORDER
- ส่งมอบเอกสารให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- ติดตามการสั่งซื้อสินค้า และตัดบันทึกทะเบียนการสั่งซื้อ
- สรุปรายงานการสั่งซื้อ
3.4 บริหารสินค้า
- ขอราคาคอนกรีต CPAC ผ่านเจ้าหน้าที่ Telesale กทม. โดยส่งทางเมล
(ตามแบบฟอร์มขอราคา) - แจ้งเสนอราคาให้ฝ่ายขาย (ตามแบบฟอร์ม)
- ติดตามการเสนอราคาแต่ละโครงการจากฝ่ายขาย เพื่อช่วยกระตุ้นปิดการขาย
- รับแจ้งปิดการขายจากฝ่ายขาย แจ้งขอปิด Sitecode ผ่านเจ้าหน้าที่ Telesale
กทม. โดยส่งทางเมล - เช็ครายงานเทคอนกรีตล่วงหน้าจากศูนย์จ่าย ทางเมล และเช็ครายงานเทคอนกรีตระหว่างวันผ่านระบบ Cpac e-business
- ติดตามเอกสาร Back Order จากฝ่ายขายก่อนการเทคอนกรีต(เงินสด และเงินเชื่อ)
- ตรวจสอบรายงานการเทคอนกรีต จากระบบ Cpac e-business และส่งเอกสารรายงานเทคอนกรีตเพื่อให้ฝ่ายขายตรวจสอบจำนวนที่ลูกค้าสั่งซื้อให้ตรงกับ Back Order
- ตรวจสอบรายงานการเทคอนกรีต จากระบบ Cpac e-business และส่งเอกสารรายงานเทคอนกรีตเพื่อให้ฝ่ายขายตรวจสอบจำนวนที่ลูกค้าสั่งซื้อให้ตรงกับ Back Order
- จัดทำใบสั่งซื้อ PO
- รวมรวม PO. และ Back Order นำส่งให้ฝ่าย GR. รับสินค้าเข้าระบบ เพื่อให้ฝ่ายขายออกบิล
4. คำจำกัดความ
- บริษัทฯ หมายถึง บริษัท นพดลพานิช จำกัด
- ลูกค้าส่วนค้าส่งโครงการ หมายถึง ลูกค้าโครงการ, บ้านจัดสรร, ร้านค้า และหน่วยงานราชการ ที่มีการสั่งซื้อเป็นประจำ ทั้งเงินสดและเงินเชื่อ
- พนักงานขาย หมายถึง พนักงานที่ออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ และพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน
- ธุรการขาย หมายถึง พนักงานที่ประจำในสำนักงานเพื่อประสานงานด้านการขายระหว่างภายในและภายนอกองค์กร และบันทึกทะเบียนข้อมูล ต่าง ๆ ของแผนก
5. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- WI-WS-001 การจัดทำใบเสนอราคา
- WI-SA-009 การจัดทำใบ Back Order
- PM-SA-002 การควบคุมสินค้า SPO และ สินค้า Back Order
6. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
7. รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- พนักงานขายสอบถามความต้องการของลูกค้ารายละเอียดที่ลูกค้าต้องการที่จะใช้ซีแพคคอนกรีตกับงานอะไร เช่น งานถนน งานตอม้อ งานสะพาน งานโครงสร้าง งานเข็มเจาะ งานตากผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตร ฯลฯ
ขอรายละเอียดที่ชัดเจน ชื่อลูกค้า เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ เพื่อคอนเฟิร์มวันเวลาที่ใช้คอนกรีต ,หน้างานที่ใช้คอนกรีต (บ้านพักอาศัย,อาคารพาณิชย์ ฯลฯ),สถานที่ ที่จะใช้งานคอนกรีต , ปริมาณการใช้งาน และ กำลังอัดของคอนกรีตที่จะใช้งาน ,ลักษณะหน้างานที่จะใช้งานคอนกรีต ( เทเสา,เทคาน,เทตอม่อ,เทฟุตติ้ง ฯลฯ) ,วันเวลาที่ลูกค้าต้องการใช้งานคอนกรีต , วิธีการเทคอนกรีต (โดยรถเครน,ใช้คนเท,รถปั๊ม ฯลฯ) ,พื้นที่หน้างาน สำหรับการจัดส่งคอนกรีต สามารถใช้รถคอนกรีตขนาดไหน จัดส่งเข้าหน้างานได้บ้าง
ตัวอย่าง
ลูกค้า นาย ก เบอร์โทรศัพท์ 01234567890 งานคฤหาสน์ 3 ชั้น ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง ปริมาณคอนกรีตทั้งหมด 500 คิว ใช้งานคอนกรีต st240 ต้องการใช้งานเทคานบ้านชั้น 1 วันที่ 10 มกราคม 2564 จำนวน 20 คิว ต้องการเวลา 09.50 น. เริ่มเทคอนกรีต **เวลาฤกษ์ ห้ามคลาดเคลื่อน ใช้รถเครน ถนนเข้าหน้างานกว้าง 5 เมตร ความสูงไม่มีสิ่งกึดขวาง รถใหญ่เข้าได้
- พนักงานขายเจรจาขอราคาที่แผนกบริหารสินค้าเมื่อได้ราคาเรียบร้อยตามที่ต้องการจัดทำการเสนอราคาให้กับลูกค้า WI-WS-001 ขั้นตอนการจัดทำใบเสนอราคา
- เมื่อส่งเอกสารใบเสนอราคาให้ลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น E- Mail ,Line,Fax เมื่อลูกค้าได้รับใบเสนอราคาเรียบร้อยแล้ว และสรุปตกลงซื้อสินค้า ให้พนักงานขายเซ็นต์ชื่อในช่องผู้เสนอราคา และผู้อำนวยการฝ่ายขายหรือผู้จัดการฝ่ายขายเป็นผู้อนุมัติใบเสนอราคา เท่านั้น
- ส่งเอกสารใบสั่งซื้อให้ลูกค้าเซ็นต์อนุมัติการสั่งซื้อ
- พนักงานขายรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าและตรวจสอบวงเงินของลูกค้า (กรณีเงินเชื่อ)
- เมื่อตรวจสอบการอนุมัติวงเงินเรียบร้อยสามารถขายสินค้าให้ลูกค้าได้ให้ทำตามกระบวนการ WI-SA-009 การจัดทำใบ Back Order
- บริหารสินค้าจัดทำใบสั่งซื้อ PO. การจัดทำใบสั่งซื้อ สั่งจ้าง (PO)
- รวมรวม PO. และ Back Order นำส่งให้ฝ่าย GR รับสินค้าเข้าระบบ
- บริหารสินค้าส่งเอกสาร KPI รายละเอียดการเทให้พนักงานขาย เพื่อให้ฝ่ายขายดำเนินการออกบิล
8. แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
- ใบเสนอราคา
- ใบบันทึกข้อตกลงกับลูกค้า
- ใบเสนอราคา
- ใบขออนุมัติการขายเกินวงเงิน
- ใบ PO
- ใบ BACK ORDER
- ใบสั่งขาย
WI-SA1-008 การออกแบบห้องน้ำ
1. วัตถุประสงค์
เพื่อให้พนักงานทุกคนปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน และสร้างความพึงพอใจและตอบสนองของลูกค้าในการเลือกสินค้า
2. นโยบายผังกระบวนการ
3. หลักในการปฏิบัติงาน
- พนักงานแผนกเซรามิค และ เจ้าหน้าที่ออกแบบ Cotto Tiles Studio แนะนำลวดลายเซรามิค ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ที่ลูกค้าต้องการใช้งานในแต่ละส่วน เช่น ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอน ทั้งพื้นและผนัง
- แจ้งเงื่อนไขการออกแบบห้องน้ำ คือ คิดค่าออกแบบห้องละ 1,000 บาท โดยค่าออกแบบสามารถนำมา หัก ค่าเซรามิคได้เมื่อลูกค้าสั่งสินค้ากับทางนพดลฯ
- เมื่อลูกค้าตกลงให้ออกแบบให้แล้ว พนักงานแผนกเซรามิค แนะนำลายเซรามิคเพื่อให้ลูกค้าเลือกลายตามที่ต้องการ
- นำชื่อลายเซรามิคที่ลูกค้าเลือกให้กับเจ้าหน้าที่ Cotto Tiles Studio ออกแบบการปูเซรามิคให้ลูกค้า ซึ่งใช้ระยะเวลาในการออกแบบประมาณ 3 วัน ขึ้นอยู่กับจำนวนของห้องที่ลูกค้าให้ออกแบบ
- พนักงานแผนกเซรามิค นำลูกค้ามาที่เคาน์เตอร์ลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อออกบิลค่าออกแบบห้องน้ำ แล้วนำบิลที่ลูกค้าชำระไปเบิกคูปองออกแบบห้องน้ำ ที่ เจ้าหน้าที่ Cotto Tiles Studio
- เจ้าหน้าที่ Cotto Tiles Studio นัดลูกค้าอีกครั้ง เพื่อพิจารณาแบบห้อง ที่ออกแบบ หากไม่ตรงตามที่ต้องการก็สามารถแก้ไขแบบห้องน้ำได้ก่อนการพิมพ์แบบเพื่อเป็นแบบให้ช่างปู
- เมื่อลูกค้าตกลงตามแบบที่ เจ้าหน้าที่ Cotto Tile Studio ออกแบบ ให้พนักงานแผนกเซรามิค นำลูกค้ามาที่เคาน์เตอร์ลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อทำใบสั่งขาย/ใบสั่งจอง (ดู SA3-P04 กระบวนการรับข้อตกลงการขาย
WI-SA1-009 การเบิกเติมของแถม
ขั้นตอนปฏิบัติงาน
1. ทะเบียนของแถม
- การตลาดทำหน้าที่จัดทำข้อมูลทะเบียนของแถม โดยกำหนดข้อมูลซื้อสินค้าแลกได้อะไร และเริ่ม-หมดเขตเมื่อไหร่ ขึ้นหน้า Share Point
2. แจ้งขอเบิกจ่าย/โอน
- พนักงาน CS ของแต่ละสาขา ทำการแจ้งขอเบิก/โอนของแถมประจำสัปดาห์ โดยแจ้งจำนวน Maximum ของแต่ละรายการให้กับ AM เพื่อทำการเติมสินค้าในตู้ของแถม
3. โอนของจากที่เก็บ
- พนักงาน CS แต่ละสาขา จัดทำใบขอโอนสินค้า F-RT-401
- พนักงาน AM จัดเตรียมของแถมตามใบเบิกให้กับ พนักงาน CS
- พนักงาน CS แจ้งให้ พนักงาน GR โอนสินค้าของแถมจากคลัง OFS → NIV/FRE
4. การจ่ายของแถม
- กรณีมีเอกสารใบสั่งขายให้จ่ายตามยอดการสั่งซื้อที่มีการกำหนดของแถมอยู่แล้ว
- กรณีจุดโพสมีการสั่งซื้อสินค้าเงินสดแล้วยอดการสั่งซื้อเมื่อจ่ายสินค้าของแถมทุกครั้งให้ลงบันทึกสต๊อกการ์ดและตัดจ่ายทุกสิ้นวัน
- พนักงานประชาสัมพันธ์ทำหน้าที่จ่ายสินค้าของแถมให้กับลูกค้าหรือหากไม่อยู่ให้บัดดี้หรือ CR ทำหน้าที่จ่ายแทน
4. ตรวจนับ
- พนักงาน AM เข้าตรวจนับกับพนักงาน CS ว่าจำนวนที่เบิกเท่ากับจำนวนที่จ่ายไปหรือไม่ อ้างอิงจาก Stock Card
5. Update Stock Card
- พนักงาน CS จัดทำ Update Stock Card
6. หมดเขตจัดรายการ
- พนักงาน CS นำสินค้าที่หมดเขตการจัดรายการพร้อม Stock Card ส่งคืนให้กับ พนักงาน AM
WI-SA1-010 ข้อควรระวังในการออก Invoice
กรณีขายเงินเชื่อ
- ให้ตรวจสอบ “รหัสลูกหนี้” ทุกครั้งก่อนดึงใบสั่งขายมาออกบิล ว่าเป็นรหัสเดียวกัน เพื่อป้องกันปัญหาลูกหนี้ที่มีหลายรหัส แล้วสับสนว่าไม่ีมีใบสั่งขายค้างให้ดึงออกบิล
- ตรวจสอบเลขที่ใบสั่งขาย,ใบสั่งจองให้ชัดเจนว่าเป็น SCV, SCN, RWV, RWN เพื่อจะได้ออก Invoice ได้ถูกต้อง
- กรณีที่ไม่สามารถทำ Invoice ตามใบสั่งขายได้ให้รีบติดต่อพนักงานขายทันทีสาเหตุจะเกิดจาก
3.1 สถานะลูกค้าดิดวงเงินต้องให้พนักงงานขายขออนุมัติจากสินเชื่อก่อน
3.2 พนักงานขายเลือกคลังสินค้าผิดเช่น ออกบิลที่ S02 แต่เลือกคลัง S01AVL เป็นต้น
3.3 พนักงานขายเลือกเลขที่ใบสั่งขายเป็นเงินเชื่อ แต่เลือกประเภทการขายเป็นเงินสด
- เมื่อออก invoice แล้วให้ดึงสำเนาใบสุดท้ายออกทันที
- เวลารับคำสั่งจากพนักงานขายในกรณีลูกค้ารับของเอง ให้ถ่ายเอกสารปิดราคาทุกครั้ง
กรณีขายเงินสด
- การออก Invoice ต้องมีเอกสารจากพนักงานขาย เช่น ใบฺ Back order,ใบสั่งจอง, ใบสั่งขาย เพื่อจะได้ออกได้ถูกต้องและแม่นยำ
- กรณีสินค้าสั่งพิเศษ แคชเชียร์ต้องประทับตรา รับเงินมัดจำเลขที่ ,จำนวนเงิน, ผู้รับเงิน,วัน/เดือน/ปี ลงในใบ ฺBack order,ใบสั่งจองทุกครั้ง
- กรณีที่ออก Invoice ตัดมัดจำหากลูกค้ามารับเองต้องมีใบมัดจำแนบเพื่อ แคชเชียร์จะได้ตรวจสอบและประทับตรา ตัดมัดจำแล้ว ระบุเลขที่ Invoice ,วัน/เดือน/ปี,จำนวนเงินให้ถูกต้อง
- กรณีที่ทางร้านส่งให้พนักงานขายต้องนำใบสั่งจองสินค้าพร้อมที่มีตรารับมัดจำพร้อมรายละเอียดเพื่อหักมัดจำได้ถูกต้อง
- แคชเชียร์ต้องระบุการชำระเงินให้ถูกต้อง เช่น ชำระด้วยเงินสด,ชำระด้วยบัตรเครดิตชำระด้วยเงินโอน,ชำระด้วยเช็ค และห้ามขีดเขียนข้อความใดๆลงในใบ Invoice
- เก็บสำเนาบิลไว้ให้ครบทุกใบ
กรณีขายผ่าน POS
- ยิงบาร์โค้ดสินค้าทุกตัว และต้องดูหน้าจอทุกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าบาร์โค้ดผ่านหรือไม่
- กล่าว Wording แล้วสอบถามบัตรสมาชิกลูกค้าทุกครั้ง
- กรณีลูกค้าชำระเป็นเงินสดต้องขานรับเงิน-ทอนเงินให้ชัดเจนพร้อมทวนรายการจากหน้าจอ
- กรณีชำระด้วยบัตรเคดิตร หากเป็นสินค้าโครงสร้างต้องแจ้งค่าธรรมเนียมบัตรลูกค้าก่อนรูดบัตร
- พนักงานแคชเชียร์ ห้าม Zoom สินค้าจากเครื่่อง หากเป็น Drive thru ต้องมี Pickup slip พร้อมลายเซ็นต์ผู้จ่าย, ผู้รับ ……….. Checker
- Pos 4 Drive thru ห้ามพักบิล เพราะจะมีสินค้ารายการอื่นๆหลุดติดมาด้วย
WI-SA1-011 กระบวนการตัดจ่ายเบิกภายใน
วัตถุประสงค์
คู่มือการปฏิบัติงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการควบคุมดูแลสินค้าแต่ละคลังและตัดจ่ายสินค้าภายใน เป็นแนวทางในการควบคุมกระบวนการและขั้นตอนการตัดจ่ายสินค้าภายในให้กับพนักงานให้ถูกต้องตามกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
นโยบาย
- การเบิก-จ่ายสินค้า กระทำภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
- ใบเบิก-จ่าย ที่ไม่มีผู้มารับสินค้า จะถูกยกเลิกภายในสิ้นวัน
- ใบจ่ายสินค้าจะต้องมี Running Number ในระบบ
- การรับสินค้าสามารถรับสินค้าจากส่วนงานที่รับผิดชอบโดยแยกตามคลังสินค้าได้ถึงเวลา 12.00 น. เท่านั้น
- การจ่ายสินค้า การเบิกจ่าย ต้อง ผ่านผู้ควบคุมดูแลคลัง เท่านันๆ
ผู้รับผิดชอบ
- แผนก Support Division รับผิดชอบตัดจ่ายสินค้าคลัง A
- แผนกลูกค้าสัมพันธ์ รับผิดชอบตัดจ่ายสินค้าคลัง PRO
- แผนกจัดซื้อ 1-4 รับผิดชอบตัดจ่ายสินค้าคลัง PRM
- แผนกบุคคล-ธุรการ รับผิดชอบตัดจ่ายสินค้าคลัง OFS
ความหมาย
1. คลัง A/B หมายถึง คลังสินค้าขายปกติหน้าร้าน และ Drive Thru
2. คลัง PRO หมายถึง คลังสินค้าของแถมที่ Vender สนับสนุนหรือแถมมากับสินค้าที่มีโปรโมชั่น
3. คลัง PRM หมายถึง คลังพักสินค้าของแถมที่ Vender สนับสนุนแถมมากับสินค้าที่ยังไม่ถูกจัดทำโปรโมชั่น
4. คลัง OFS หมายถึง คลังสินค้าเบิกจ่ายในสำนักงาน
Work Flow

วิธีปฏิบัติ
การรับสินค้าเข้าคลัง
1. แผนกตรวจรับสินค้าตรวจรับสินค้าลงแจ้งให้ผู้รับผิดชอบสินค้าแต่ละคลังรับสินค้าเข้าคลังของตนเอง ดังนี้
1.1. เมื่อมีสินค้าคลัง A/B เข้ามาแผนกตรวจรับสินค้าจะตรวจสอบสินค้าและแจ้งให้กับ Section Manager ผู้รับผิดชอบสินค้าให้รับทราบเพื่อรับสินค้าเข้าคลัง A/B
1.2. เมื่อมีสินค้าของแถมที่ยังไม่มีโปรโมชั่นทางแผนกตรวจรับสินค้าจะแจ้งให้กับทางแผนกจัดซื้อเพื่อมารับสินค้าเข้าคลัง PRM
1.3 เมื่อมีสินค้าของแถมที่มีโปรโมชั่นสินค้าเข้า ทางแผนกตรวจรับสินค้าจะแจ้งให้กับแผนกประชาสัมพันธ์รับสินค้าเข้าคลัง PRO
1.4 เมื่อมีสินค้าวัสดุสำนักงานต่างๆ เข้ามา แผนกตรวจรับสินค้าแจ้งให้กับทางพนักงานจัดซื้อ-จัดจ้าง รับสินค้าเข้าคลัง OFS
การจ่ายสินค้าคลัง A/B
1. การเบิกสินค้าคลัง A/B พนักงาน End Control รับใบขอเบิกจากพนักงาน
2. พนักงานผู้ขอเบิก/พนักงานจัดสินค้ายื่นเอกสารใบขอเบิกให้กับพนักงานที่ดูแลสินค้าให้ช่วยจัดสินค้าและเซ็นต์เอกสารการจ่ายสินค้าให้
3. เมื่อพนักงานจะนำสินค้าออกจากคลังให้ยื่นสินค้าพร้อมกับเอกสารการขอเบิกให้กับพนักงาน End Control ตรวจสอบความถูกต้อง โดยต้องตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้
3.1 จำนวนสินค้าที่จัดได้ในใบขอเบิก
3.2. ความถูกต้องของสินค้าที่เบิก
3.3 รหัสสินค้าถูกต้อง
กรณีที่รายละเอียดไม่ครบถ้วนถูกต้อง พนักงาน End Control ตีกลับไปยังพนักงานผู้ขอเบิก/พนักงานจัดสินค้า ถือว่าไม่สมบูรณ์
4. เมื่อตรวจสอบเอกสารและสินค้าถูกต้องแล้วพนักงาน End Control ดำเนินการตัดสินค้าออกจากคลัง ตามประเภทการเบิกประเภทต่าง ๆ ประกอบด้วย ใบเบิกเพื่อเป็นสินทรัพย์ เบิกเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เบิกเพื่องานก่อสร้าง เบิกใช้ส่วนตัวผู้บริหาร เบิกเพื่อซ่อมแซม เป็นต้น
5. ระบุเลขที่เอกสารที่ได้ในใบขอเบิกฯ กรณีที่พนักงานนำสินค้าที่เบิกกลับมาใช้งานในพื้นที่ขายหรือคลัง ให้ติดสติกเกอร์ “ สินค้าเบิกใช้แล้ว” ที่ตัวสินค้านั้น ๆ
6. จ่ายสินค้า เมื่อตัดสินค้าออกจากสต๊อก และระบุเลขที่ในเอกสารแล้ว ให้ส่งมอบเอกสารดังกล่าวพร้อมจ่ายสินค้าให้พนักงานเซ็นต์รับสินค้าในเอกสารใบขอเบิกใช้สินค้าและวัตถุดิบ ส่งคืนให้กับพนักงาน End Control และรับสินค้าที่มีสติกเกอร์เข้าแผนกต่อไป
7. พนักงาน End Control ปริ้นเอกสารรายงานการส่งใบเบิกประจำวันรวบรวมเอกสารส่งให้กับ Support Division เพื่อตรวจสอบ ภายในเวลาก่อน 12.00 น. และรวบรวมส่งแผนกบัญชีทุกสิ้นวัน
การจ่ายสินค้าคลัง PRM
1. การเบิกสินค้าคลัง PRM พนักงานจัดซื้อรับใบขอเบิกจากพนักงาน
2. พนักงานผู้ขอเบิกยื่นเอกสารใบขอเบิกให้กับพนักงานที่ดูแลสินค้าให้ช่วยจัดสินค้าและเซ็นต์เอกสารการจ่ายสินค้าให้โดยมีลายเซ็นต์ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแต่ละ CAT เป็นผู้อนุมัติการเบิก
3. เมื่อพนักงานจ่ายสินค้าตรวจสอบความถูกต้อง โดยต้องตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้
3.1 จำนวนสินค้าที่จัดได้ในใบขอเบิก
3.2. ความถูกต้องของสินค้าที่เบิก
3.3 รหัสสินค้าถูกต้อง
4. เมื่อตรวจสอบเอกสารและสินค้าถูกต้องแล้วพนักงานจัดซื้อดำเนินการตัดสินค้าออกจากคลัง
5. พนักงานจัดซื้อปริ้นเอกสารรายงานการส่งใบเบิกประจำวันและรวบรวมส่งแผนกบัญชีทุกสิ้นวัน
หมายเหตุ สินค้าของแถมในคลัง PRM คือสินค้าที่หมดโปรโมชั่น แล้ว หรือสินค้าที่ยังไม่ถูกทำโปรโมชั่น หากสินค้าทำโปรให้โอนเข้าคลังสินค้า PRO และ หากสินค้าต้องการเก็บไว้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับพนักงานให้โอนเข้าคลัง OFS
การจ่ายสินค้าคลัง PRO
1. สินค้าของแถมที่อยู่ในโปรโมชั่นจะไม่อนุญาตให้มีการเบิกนำไปใช้อย่างอื่นนอกจากการแถมให้ลูกค้าเท่านั้น และเมื่อมีสินค้าของแถมที่หมดโปรโมชั่นแล้วให้ตรวจนับและโอนสินค้ากลับเข้าคลัง PRM
2. กระบวนการตัดเบิกสินค้าของแถม
การจ่ายสินค้าคลัง OFS
1. การเบิกสินค้าคลัง OFS พนักงานจัดซื้อ-จัดจ้าง รับใบขอเบิกจากพนักงานทุกวันที่ 10 และ 20 ของทุกเดือน
2. พนักงานผู้ขอเบิกยื่นเอกสารใบขอเบิกให้กับพนักงานที่ดูแลสินค้าให้ช่วยจัดสินค้าและเซ็นต์เอกสารการจ่ายสินค้าให้โดยมีลายเซ็นต์ผู้จัดการแผนกเป็นผู้ตรวจสอบและอนุมัติ
3. เมื่อพนักงานจ่ายสินค้าตรวจสอบความถูกต้อง โดยต้องตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้
3.1 จำนวนสินค้าที่จัดได้ในใบขอเบิก
3.2. ความถูกต้องของสินค้าที่เบิก
3.3 รหัสสินค้าถูกต้อง
4. เมื่อตรวจสอบเอกสารและสินค้าถูกต้องแล้วพนักงานจัดซื้อ-จัดจ้าง ดำเนินการตัดสินค้าออกจากคลัง
5. พนักงานจัดซื้อ-จัดจ้าง ปริ้นเอกสารรายงานใบเบิกประจำวัน และรวบรวมส่งแผนกบัญชีทุกสิ้นวัน
WI-SA1-012 กระบวนการออกแบบประมาณการ
1. วัตถุประสงค์
- เพื่อเป็นแนวทางในการบริการด้านการออกแบบและกำหนดมาตรฐานในด้านการรับงาน
- เพื่อให้บริการลูกค้าทางด้านการประมาณการสินค้าและค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าที่มารับบริการ
- เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในด้านการให้บริการทางด้านการให้คำปรึกษา
2. ขอบข่าย
- ใช้เป็นกรอบแนวทางในการเพิ่มช่องทางในการขายปลีกและผลักดันสินค้าที่ค้างจำหน่ายให้มียอดขายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
3. หน้าที่และความรับผิดชอบ
Design Consultant
- และคำปรึกษาและรับความต้องการของลูกค้า
- ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ ประมาณราคา ติดตั้งและรับประกัน
4. ขั้นตอนการปฏิบัติ

รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- ลูกค้านำแบบมาถอดประมาณการ
- เคลียแบบประมาณการสินค้าให้กับลูกค้า - ทำประมาณการ เอกสารที่ต้องมีคือ แบบแปรน รายละเอียดสินค้า
- เมื่อลูกค้าระบุสินค้าที่ลูกค้าต้องการมาแล้วให้ทำการคำนวณประมาณการให้กับลูกค้าส่งให้กับทาง CR เพื่อทำเสนอราคา
- หากลูกค้ายังไม่ได้ดูสินค้าให้แนะนำและพาลูกค้าเดินดูสินค้า
- กรณีที่ลูกค้ายังไม่มีช่างและขอใช้บริการช่างกับทางร้านให้ทำการเสนอราคาค่าแรงช่าง
- ลูกค้าตกลงรับงาน
- สำรวจหน้างาน
- ทบทวนผลการประมาณการรับคำยืนยันคำสั่งซื้อจากลูกค้าและให้ลูกค้าเซนต์เอกสารยืนยันการสั่งซื้อและค่าบริการ
- ออกเอกสาร PO ติดตั้ง
- เชิญลูกค้าเข้า Line หรือ Telegram กลุ่ม
- รายงานความคืบาหน้าและติดตามงานให้กับลูกค้า
- เมื่อเสร็จงานลูกค้าตรวจหน้างานและเซ็นต์รับมอบงาน
- วางบิล
- สอบถามความพึงพอใจหลังจากลูกค้าใช้บริการ
WI-SA1-013 การจองสินค้า (Reservation)
การจองสินค้า
1. วัตถุประสงค์
- ระเบียบปฏิบัติฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ฝ่ายขายถือเป็นแนวทางในการปฎิบัติใน การให้บริการและรับข้อตกลง ของลูกค้า ให้สามารถปฎิบัติในทิศทางเดียวกัน อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผล ในเรื่องการจองสินค้า นำไปสู่่การเสนอขายและรับคำสั่งซื้อ ที่มีประสิทธิภาพ
2. ขอบเขต
- ใช้เป็นกรอบแนวทางการปฎิบัติเพื่อการให้บริการและรับข้อตกลง จากลูกค้า ที่ซื้อสินค้าโดยการชำระเงินทันทีเต็มจำนวนของมูลคาขาย และ ชำระเพื่อจองสินค้าไว้บางส่วน
- เป็นกระบวนการควบคุมการจองเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขายสินค้า
3. หน้าที่และความรับผิดชอบ
- พนักงานขาย ทำหน้าที่ ออกเอกสารใบสั่งขายสั่งจองสินค้า และตรวจสอบรายงานใบสั่งจองที่หมดอายุทุกสิ้นวันหากหมดอายุให้ติดต่อเพื่อรับสินค้าหากลูกค้าไม่พร้อมรับให้ปริ้นเอกสารขยายเวลาใบจองให้กับทางคลังใหม่พร้อมดึงใบเก่าที่หมดอายุออก
- พนักงานคลังสินค้า ทำหน้าที่ ติดป้ายจองที่สินค้าและติดตามใบจองหมดอายุและตรวจสอบใบจองหมดอายุทุกสินวันและแจ้งกลับพนักงานขาย
4. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ใบสั่งขาย
- ใบสั่งจอง
- ใบกำกับสินค้า
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

6. รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- พนักงานขาย รับคำสั่งขายจากลูกค้า แจ้งเงื่อนไขในการซื้อ-ขาย และการจองสินค้า ให้ลูกค้ารับทราบ
- พนักงานขายตรวจสอบสต๊อคสินค้าที่มีในระบบ และเช็คสินค้าจริงกับแผนกคลังสินค้าอีกครั้ง
- กรณีลูกค้า เงินสด จะต้องชำระมัดจำค่าสินค้า เต็มจำนวน หรือ มัดจำ 30% เพื่อจองสินค้า สามารถจองสินค้าได้ 7 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินมัดจำ
- กรณีลูกค้า เงินเชื่อ จะต้องชำระมัดจำค่าสินค้า 30% เพื่อจองสินค้า สมารถจองสินค้าได้ 7 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินมัดจำ
- เมื่อสินค้ามีเพียงพอ ให้พนักงานขายออกเอกสารใบกำกับสินค้าตามเอกสารอ้างอิง คือ ใบสั่งขาย/สั่งจอง
- พนักงานขายนำใบกำกับสินค้า เพื่อส่งให้พนักงานคลังสินค้านำไปติดสินค้าที่จองไว้
- ทุกสิ้นวัน พนักงานขายตรวจสอบรายงานใบสั่งขาย/สั่งจองค้างในระบบ หากพบว่าเอกสารการจองหมดอายุ ให้พนักงานขายติดต่อลูกค้าให้มารับสินค้า กรณีลูกค้ายังไม่รับ ให้ต่ออายุเอกสาร และนำเอกสารการจองใบใหม่ ให้กับพนักงานคลังสินค้า เพื่อเปลี่ยนใบกำกับสินค้าใหม่
- กรณีที่มีการยกลิกการจองสินค้า เรียกเก็บ ค่าฝากสินค้า 2% โดยหักจากเงินมัดจำของลูกค้า
- คลังต้องมี Check list เดินตรวจตรวจใบจองประจำวันหากตรวจสอบเจอใบจองหมดอายุให้เก็บคืนพนักงานขายทันที
- กรณีสินค้าที่มีการออกบิลลูกค้าเรียบร้อยแล้วแต่ลูกค้ายังไม่รับสินค้าให้นำแบบฟอร์มใบฝากสินค้าติดที่ตัวสินค้ารวมถึงลายเซนต์ได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการส่วนบริหารสินค้า/ผู้บริหาร เท่านั้น ตามลิงค์ แบบฟอร์มการขออนุมัติใบฝากสินค้า(ออกบิลแล้ว)
7. แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
-
F-WS-404 ใบสั่งขาย
-
F-WS-404 ใบสั่งจอง
-
F-GR-205 ใบกำกับสินค้า "จอง"
ตัวอย่างเอกสารแบบฟอร์มใบฝากสินค้า
9. นโยบายที่เกี่ยวข้อง
Link นโยบายการสั่งขายสั่งจองสินค้าเหล็ก
WI-SA-014 มาตรฐานการตอบแชทลูกค้า
มาตรฐานการตอบแชทลูกค้า Online
วัตถุประสงค์ เพื่อให้การสื่อสารมีความเป็นมืออาชีพ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ลักษณะของมาตรฐานการตอบคำถามลูกค้า :
1. การตอบแชทอย่างรวดเร็ว
-
ต้องตอบแชทลูกค้าไม่เกิน 5 นาที
-
มีการแจ้งยืนยันว่าได้รับคำถามแล้ว และจะดำเนินการตอบแชทต่อไป
เช่น จะตอบกลับลูกค้าภายใน 3 นาที
2. ความชัดเจนและกระชับ
-
ตอบแชทลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา และให้ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ เช่น
ลูกค้า : สอบถาม สีน้ำ ค่ะ
พนักงานขาย : ลูกค้าต้องการสีน้ำ ทา ภายใน หรือ ภายนอก ค่ะ
-
หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนหรือเข้าใจยาก
-
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรแนะนำให้ลูกค้าติดต่อกลับ
3. การใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นมืออาชีพ
-
ใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นทางการ เพื่อแสดงถึงความเคารพและให้เกียรติแก่ลูกค้า
เช่น เดี๋ยว ใช้เป็น รอสักครู่
รอสักครู่ เช็คสินค้า ให้น่ะค่ะ
สักครู่ ตรวจสอบ ให้ค่ะ
-
หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ไม่สุภาพหรือเป็นทางการเกินไป
4. การฟังและเข้าใจความต้องการของลูกค้า
-
รับคำถามหรือข้อสงสัยจากลูกค้าฟังหาลูกค้าให้ชัดเจน
-
ไม่ควรตอบคำถามโดยข้ามประเด็นหรือไม่ให้ความสำคัญกับข้อสงสัยที่ลูกค้ากล่าวถึง
5. การเสนอทางเลือกและคำแนะนำ
-
หากลูกค้าร้องขอคำแนะนำหรือทางเลือก ควรให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับสถานการณ์
-
หากมีทางเลือกอื่นๆ ให้ชัดเจนว่าแต่ละทางเลือกมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
โดยอาจจะถ่ายรูปสินค้า หรือ ส่งแคตตาล็อก ให้ลูกค้าพิจารณาเลือก
6. กรณีลูกค้าโทรหาควรใช้โทนเสียงที่เป็นมิตร
-
ควรให้คำตอบที่มีความอ่อนโยน และสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรในการสื่อสาร
-
หลีกเลี่ยงการตอบด้วยคำพูดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดีหรือถูกตำหนิ
7. การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
-
หากลูกค้ามีปัญหาหรือคำร้องเรียนควรขอโทษลูกค้าและควรสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและเสนอวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
-
หากจำเป็นต้องให้ลูกค้ารอการดำเนินการ ควรอธิบายสถานการณ์และระยะเวลาให้ชัดเจน
8. การตรวจสอบและสรุปคำตอบ
-
หลังจากตอบคำถาม ควรทบทวนคำตอบเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด และข้อมูลที่ให้ถูกต้อง
-
สรุปคำตอบให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย และให้คำแนะนำที่ชัดเจน
** ข้อควรระวัง การสรุป ไม่ใช่ การใช้คำซ้ำๆ ย้ำ มากจนเกินไป **
9. การทำตามสัญญา
-
หากมีการให้คำมั่นว่าจะดำเนินการบางอย่าง ควรทำให้ตรงตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขที่สัญญาไว้เช่น การนัด วัน / เวลา ในการจัดส่ง
10. การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
-
ใช้เครื่องมือหรือระบบการติดตามคำถามและคำตอบ เช่น ระบบ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดการคำถามจากลูกค้าอย่างเป็นระเบียบ
-
หากคำถามมีความซับซ้อน สามารถใช้สื่อรูปภาพ วิดีโอ หรือเอกสารเพิ่มเติมในการอธิบาย
ตัวอย่างการตอบคำถามลูกค้า:
ลูกค้า: “สินค้าที่สั่งไปยังไม่ถึงเลยครับ”
พนง. : “สวัสดีค่ะ/ครับ ขอบคุณที่ติดต่อมาค่ะ ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ขอทราบชื่อ หรือ สมาชิก ของลูกค้า ได้ไหมคะ/ครับ เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้อย่างรวดเร็วค่ะ/ครับ ขอบคุณค่ะ/ครับ”
—---------------------------------------------
จากกรณีศึกษา ที่เกิดขึ้น
-
การสื่อสารกับลูกค้า ไม่ตรงวัตถุประสงค์ ไม่ได้สอบถามการใช้งานของลูกค้า หรือ แนะนำไม่ตรงใจลูกค้า
ข้อปฎิบัติติดตามแชท
-
ตรวจสอบการตอบแชท Line OA ทุกๆ 5-10 นาที
-
การตอบแชท ไม่ควรเกิน 15 นาที ควรตอบอย่างรวดเร็ว
-
หากตรวจสอบแล้ว การตอบไม่ชัดเจน ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ตรงกับที่ลูกค้า ต้องการ หัวหน้างาน เข้าช่วยเหลือ ในการตอบทันที
-
กรณี ใช้โทรศัพท์ หากน้ำเสียงพนักงานขาย เริ่มเสียงดัง หรือ ตอบกลับลูกค้าด้วยน้ำเสียงโมโห ลำคาญ ให้เข้าสะกิดเตือนพนักงาน หลังจากวางสายลูกค้า สอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น
กรณีศึกษา