Skip to main content

WI-SA1-003 การควบคุมสินค้า SPO และสินค้า Back Order

1. วัตถุประสงค์

กำหนดแนวทางและขั้นตอนการสั่งสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Back Order) เพื่อ

  • ลดปริมาณสินค้าคงเหลือที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

  • ป้องกันปัญหาสินค้าตกค้างจากการยกเลิกคำสั่งซื้อ การสั่งผิด หรือการทุจริต

  • ควบคุมการสั่งซื้อให้เป็นระบบ

  • แยกกรณีใดออกไปเป็นเอกสารใหม่ WI-SA-010 คู่มือการขายสินค้าคอนกรีตซีแพค

2. ขอบข่าย

ใช้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติงานสำหรับการสั่งซื้อสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Back Order) ของ บริษัท นพดลพานิช จำกัด 

3. อุปกรณ์/เครื่องมือ

  • คอมพิวเตอร์ที่มีระบบ BC Account

4. หน้าที่ความรับผิดชอบ

ตำแหน่ง หน้าที่
พนักงานขาย รับคำสั่งซื้อและอธิบายรายละเอียด/เงื่อนไขสินค้าสั่งพิเศษแก่ลูกค้า ติดตามสถานะจนกว่าส่งมอบเรียบร้อย
เจ้าหน้าที่จัดซื้อ จัดซื้อสินค้าตาม Order โดยควบคุมไม่ให้เกิด Dead Stock
เจ้าหน้าที่ตรวจรับสินค้า ตรวจสอบสินค้าก่อนรับเข้า แจ้งพนักงานขายและจัดซื้อเมื่อสินค้ามาถึง เพื่อประสานส่งให้ลูกค้า

5. คำจำกัดความ

  • สินค้าสั่งพิเศษ (Special-Order Item) คือ สินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสั่งผลิต, สินค้าสั่งตัดเฉพาะงาน เช่น ผนังวิลลี่ , ไม้พื้นลามิเนต , ประตูไซด์พิเศษ เป็นต้น
  • สินค้าไม่มีในสต๊อก (Back order) คือ สินค้าที่มีขายในร้านปกติแต่สินค้าหมดสต๊อกชั่วคราว แต่จะมีการสั่งสินค้ามาเพิ่มภายหลัง
    (การสั่งสินค้า Backorder เป็นการจองสินค้าไว้ก่อน)
  • เงินรับมัดจำ (Deposit) หมายถึง เงินขั้นต้นจำนวนหนึ่งที่ผู้สั่งซื้อชำระแก่ผู้ขาย เพื่อเป็นหลักประกันยืนยันว่าผู้ซื้อจะไม่ยกเลิกคำสั่งซื้อในภายหลัง หากลูกค้ายกเลิกการรับสินค้าในภายหลัง จะไม่สามารถเรียกคืนเงินมัดจำได้ และพนักงานจะต้องออกใบจองสินค้า ควบคู่กับใบรับเงินมัดจำ เพื่อให้สามารถระบุสินค้าที่มัดจำไว้ได้  

6. เอกสารที่เกี่ยวข้อง

7. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

DeepinScreenshot_select-area_20220613100837.pngDeepinScreenshot_select-area_20220613100908.png

7.1 ขั้นเตรียมการ

  1. พนักงานขายรับคำสั่งซื้อ → อธิบายรายละเอียดและเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษรในใบเสนอราคา (QCV, QCN) 

  2. สอบถามกำหนดการรับสินค้าหรือการทยอยรับ → ส่งข้อมูลให้ฝ่ายบริหารสินค้าวางแผน

  3. ขอเอกสารยืนยันการสั่งซื้อ (E-mail, ลายเซ็น, e-signature, ใบสั่งซื้อของลูกค้า)

  4. เรียกเก็บเงินมัดจำ

    • Back Order: มัดจำ ≥ 30%

    • PASS ส่ง: มัดจำ 100%

    • SPO: มัดจำ 100% (เว้นแต่ได้รับอนุมัติยกเว้น)

7.2 ขั้นดำเนินการ

  1. ส่งเอกสารให้ฝ่ายจัดซื้อสั่งสินค้า

  2. Supplier ส่งสินค้า →

    • PASS ส่ง: ส่งตรงถึงลูกค้า

    • เข้าบริษัท: GR ตรวจรับ → โอนเข้าคลัง (SPO หรือ BOD) → แจ้งพนักงานขาย

  3. พนักงานขายแจ้งลูกค้า → นัดรับหรือส่งมอบ พร้อมแจ้งยอดคงค้าง

  4. ลูกค้ารับสินค้า/ชำระเงินคงค้าง → ออกบิลขาย

7.3 ขั้นควบคุมพิเศษ

  • ห้ามรับสินค้าสั่งพิเศษเข้าคลังก่อนกำหนดลูกค้าเกิน 30 วัน

  • เก็บค่าฝากสินค้า 1%/เดือน หากเกินกำหนด

  • ติดตามสถานะสินค้าค้างทุกวัน และรายงานทุกสัปดาห์

8. เงื่อนไขการมัดจำและการอนุมัติยกเว้น

มูลค่าสินค้า ผู้อนุมัติ
≤ 100,000 บาท หัวหน้าทีม/หัวหน้าแผนก
100,001 - 500,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายขาย/ผู้จัดการสาขา
> 500,000 บาท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย
กรณีพิเศษ กรรมการผู้จัดการ

ยกเว้น: ส่วนงานราชการ (ต้องมีเอกสารการตั้งเบิก)

9. KPI และการควบคุมสต๊อก

  • KPI Rank C: สินค้าที่ขายน้อยกว่า 5% ของกลุ่ม ต้องดำเนินการนำออกหรือเปลี่ยนสถานะ

  • KPI Dead Stock 9 เดือน: สินค้าที่ไม่มีการซื้อซ้ำเกิน 9 เดือน ต้องผลักดันหรือส่งคืน


10. การแก้ปัญหา

  • ลูกค้ายกเลิก SPO → ดำเนินการส่งคืนด่วน

  • Supplier ส่งก่อนกำหนด → เลื่อนวันชำระเงินตามกำหนดเดิม

  • พนักงานลาออก → ทีมรับผิดชอบร่วมกันในค่าฝาก

ขั้นตอนการสั่งสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และ Back Order (BOD)

1. การพิจารณาและยืนยันการสั่งซื้อ

  1. ลูกค้าพิจารณาเงื่อนไขการสั่งซื้อ

    • หากไม่สั่งสินค้า → พนักงานขายเสนอสินค้าทางเลือกอื่น หรือปิดการขาย

    • หากต้องการสั่งสินค้า → พนักงานขายสอบถามรายละเอียด ได้แก่

      • รายละเอียดสินค้า

      • วันที่ต้องการสินค้า

      • วิธีการจัดส่ง
        จากนั้นบันทึกข้อมูลในเอกสารการมัดจำสินค้า และออก ใบ SPO หรือ ใบ Back Order

2. การเก็บเงินมัดจำ

  1. พนักงานขายออกบิลค่ามัดจำ เรียกเก็บเงิน และมอบเอกสารการมัดจำพร้อมบิลให้ลูกค้า

3. การสั่งซื้อสินค้า

  1. พนักงานขายแจ้ง ฝ่ายจัดซื้อ เพื่อดำเนินการสั่งสินค้าตามใบ SPO หรือ Back Order

  2. Supplier จัดส่งสินค้าตาม Order

    • กรณีส่งตรงให้ลูกค้า → Supplier ประสานฝ่ายจัดซื้อจัดส่งให้ลูกค้าโดยตรง พนักงานขายออกบิลขายภายหลัง

    • กรณีส่งมาที่บริษัท → แผนก GR ตรวจสอบสินค้าและรับเข้าตาม PO

      • สินค้า SPO → โอนเข้าคลัง SPO

      • สินค้า Back Order → โอนเข้าคลัง BOD
        จากนั้นแจ้งพนักงานขายและฝ่ายจัดซื้อ

4. การแจ้งลูกค้าและส่งมอบสินค้า

  1. พนักงานขายแจ้งลูกค้าว่าสินค้ามาถึงแล้ว พร้อมนัดวัน/เวลารับสินค้า หรือกำหนดวันจัดส่ง พร้อมแจ้งยอดคงค้าง (ถ้ามี)

  2. เมื่อลูกค้ามารับสินค้า หรือชำระยอดคงค้าง → พนักงานขายออกบิลขาย และส่งมอบสินค้าหรือจัดคิวส่ง


เงื่อนไขและระเบียบการสั่งซื้อ

  • ค่าฝากสินค้า: เรียกเก็บ 3% ต่อเดือน สำหรับสินค้าที่ค้างสต๊อกเกินเงื่อนไข โดยหักจาก Incentive หรือ Commission ของพนักงานขายผู้รับผิดชอบ

  • สินค้า Back Order:

    • เป็นสินค้าที่มีขายปกติในสต๊อก แต่สั่งจองเกินปริมาณสั่งสูงสุด ต้องวางมัดจำ 30%

    • ยกเว้นหน่วยงานราชการ ที่ไม่ต้องวางมัดจำ (เนื่องจากต้องมีเอกสารตั้งเบิก)

  • ความรับผิดชอบ: พนักงานขาย / หัวหน้าทีม / ผู้จัดการฝ่ายขาย ต้องรับผิดชอบหากเกิดปัญหากับสินค้านั้น

กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้

ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้

  1. มูลค่าสินค้าไม่เกิน 100,000 บาท หัวหน้าทีม,หัวหน้าแผนก เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
  2. มูลค่าสินค้ามากกว่า 100,00  ถึง 500,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายขาย , ผู้จัดการสาขา  เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
  3. มูลค่าสินค้ามากกว่า 500,000 บาท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ 

แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป


ในกรณีลูกค้าจองใช้สินค้า

  1. จองสินค้าเกินกว่า 3 วัน ต้องมีเงินมัดจำล่วงหน้า 30%
  2. ถ้าลูกค้าไม่รับสินค้าให้เปิดใช้เอกสารใบเสนอราคาทิ้งไว้
  3. ใบสั่งขาย/ใบสั่งจอง มีอายุไม่เกิิน 3 วัน ระบบจะยกเลิกเอกสารโดยอัตโนมัติ  หากต้องการสินค้าอยู่ ต้องทำเอกสารใบใหม่ เท่านั้น
  • สินค้าสั่งพิเศษ SPO (Special-Order Item) 

ห้ามนำเข้า stock ในร้านให้ Drop-ship (Pass ส่งเข้าหน้างาน) เท่านั้น เว้นแต่

  1. ลูกค้าชำระเงินมัดจำ 100% ของมูลค่าสินค้า หรือ
  2. ลูกค้ายินดีชำระค่าบริการฝากสินค้า 1% ของมูลค่าสินค้า หรือ
  3. ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารการตั้งเบิกเป็นระบบ    (พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)

กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้

ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ

กำหนดเวลาการรับสินค้าและส่งมอบ “สินค้าสั่งพิเศษ" (Special Order Item)
  1. ห้ามรับสินค้าเข้าคลังก่อนกำหนดนัดลูกค้าเกิน 30 วัน หากไม่มีหมายเหตุ หรือเหตุผลอันควรแจ้งล่วงหน้ากับแผนกบริหารสินค้าเมื่อสั่งซื้อ พนักงานขาย หรือพีซี ที่สั่งจะต้องรับผิดชอบค่าฝากสินค้า หรือมิฉะนั้นแผนก GR ก็ห้ามรับสินค้าเข้าคลัง
  2. ให้วางแผนร่วมกับลูกค้า ให้สามารถรับสินค้าเข้าไซต์งานภายใน 30 วันหลังจากวันที่นัดส่ง  หากผิดจากเงื่อนไขฝ่ายการเงินจะคิดค่าฝากสินค้า 1% จากมูลค่าสินค้าต่อเดือน โดยนับจากวันแรกที่เกิน ซึ่งจะหักจากเงินมัดจำที่ลูกค้าวางไว้ 
  3. หากลูกค้าไม่ยินยอมชำระ ให้หักค่าฝากสินค้า 1% นั้นจาก Incentive และ Commission ของพนักงานขาย 

DeepinScreenshot_select-area_20220616140753.png

การคำนวณการหักค่าฝากสินค้าสั่งพิเศษ

DeepinScreenshot_select-area_20220616140836.png

1. แจ้งสถานะทุกสัปดาห์

มีการรายงานแจ้งสถานะการคิดค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ โดยแผนกคอมพิวเตอร์จะส่งให้กับพนักงานทุกท่านได้ทราบทาง e-mail  หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 ประกอบ

2. คำนวนค่าบริการฝากสินค้า SPO ประจำเดือน

ทุกวันที่ 1 ของเดือน จะคำนวณสรุปค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ของเดือนที่ผ่านมาระบบจะส่ง Mail รายงานสรุป ให้กับพนักงานได้ทราบ หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 จากศูนย์กลางรายงาน

3. นำยอดคำนวณไปหักตามรอบการจ่าย Incentive 

ทุกวันที่ 28 ของเดือน จะมีการคำนวณการจ่ายค่า Incentive และนำค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ที่คำนวณไว้เมื่อวันที่ 1 มาหักจากค่า Incentive ที่พนักงานขายได้รับ   

ข้อกำหนดในการจัดการปัญหาโดยทั่วไป            
  1. กรณีลูกค้ายกเลิกสินค้า SPO ให้พนักงานขายติดตามส่งคืนร่วมกับบริหารสินค้าโดยด่วน
  2. หากไม่สามารถส่งคืนสินค้าให้ Supplier ได้ พนักงานขายมีหน้าที่ร่วมกับผู้จัดการทีมขายผลักดันสินค้าออกจากร้าน
  3. หากพนักงานลาออก ภาระค่าฝากสินค้าในแต่ละเดือนจะตกเป็นของทีมรับผิดชอบร่วมกัน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ถือว่าหัวหน้าทีมจะต้องรับผิดชอบก่อน
  4. หากต้องการผ่อนผัน ให้วางแผนแก้ไขปัญหามาเสนอกรรมการผู้จัดการ (เฮียทอม) ก่อนสิ้นเดือน มิฉะนั้นรายงานจะถูกส่งให้กรรมการผู้จัดการลงชื่อเพื่อดำเนินการหักเงิน Incentive ตามข้อตกลงนี้

กรณีที่ Supplier ส่งสินค้ามาก่อนกำหนด 

ดังกล่าว บริษัทถือว่าเป็นการผลักภาระการสต๊อกสินค้า และจะถือว่ายังไม่ได้รับสินค้า โดยจะทดวันชำระเงินจากวันที่ครบกำหนดชำระจริงตามวันที่นัดส่งมอบเดิมตามใบสั่งซื้อ ด้วยจำนวนวันที่ส่งมาก่อนนัด 

ตัวอย่าง

PO นัดรับวันที่ 31 มกราคม  ครบกำหนดชำระในรอบบัญชี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ Supplier ส่งสินค้ามาวันที่ 1 มกราคม  ระบบคอมพิวเตอร์ จะคำนวณวันนัดชำระเงินใหม่ เป็นรอบบัญชี วันที่ 31 มีนาคม

กรณีปกติ 

DeepinScreenshot_select-area_20220616141012.png

กรณีพนักงานขายหักเงินมัดจำกับสินค้าอื่นที่ไม่ได้จองไว้ 

ให้ใช้วิธีปฏิบัติงานการตัดเงินรับมัดจำ

กำหนด KPI เพื่อการควบคุม

  • KPI สินค้า Rank C เป็นศูนย์

วัตถุประสงค์

เพื่อควบคุมไม่ให้สินค้าใหม่ที่ขายยาก หลุดเข้ามาค้างสต๊อคขายปลีก และเร่งให้ Vender รับคืนหรือเปลี่ยนสินค้าที่ขายดีมาแทน

กรรมวิธีวัดผล

ประมวลผลทุกวันอาทิตย์ตามยอดขายย้อนหลัง 12 สัปดาห์ (สามเดือน) จัดเรียงอันดับในแต่ละกลุ่มสินค้าย่อย (Sub Category) เฉพาะสินค้าสถานะ “สต๊อกขาย” (Sale Inventory/Re-Order) ไม่ว่าจะมีสต๊อคสินค้าหรือไม่ โดยการจัดอันดับนี้ไม่รวมยอดขายจากคลัง Drop-Ship (หรือคลังค้าส่ง) เพราะถือว่าสินค้าสต๊อคขายควรถูกประเมินจากการขายออกจากคลังค้าปลีกเท่านั้น หากนำยอดขายสินค้าจากการขาย Drop-Ship มาร่วมอาจทำให้เกณฑ์จัดอันดับคลาดเคลื่อนจากยอดขายงานโครงการซึ่งจะมียอดสั่งขายที่ไม่สม่ำเสมอ

โดย...

  • A = สินค้าที่ยอดขายสูงสุดรวม 75% ของยอดขายรวมในกลุ่มสินค้าเดียวกัน
  • B = สินค้าที่กินยอดขายอีก 20% ถัดมา
  • C = สินค้าที่เหลือ ที่มียอดขายไม่ถึง 5% ของยอดขายทั้งกลุ่ม

ตามหลักการจะถือว่า Rank C เป็นสินค้าที่ขายไม่ดี ควรพิจารณานำสินค้าส่งคืน/เปลี่ยนสินค้าใหม่ที่ขายดีมาทดแทน หรือ เปลี่ยนสถานะเป็น “สินค้าสั่งพิเศษ” (Special-Order) หรือ “หยุดซื้อ” (Stop buy) ในกรณีเปลี่ยนสถานะ จะต้องดำเนินการติดตามการคืน หรือผลักดันสินค้าออกไป

แต่อีกนัยหนึ่ง เป็นไปได้ว่าสินค้าที่ขายไม่ดีเพราะไม่มีสต๊อคสินค้า จึงไม่เกิดการขายขึ้น จึงควรพิจารณาสภาพสินค้าที่ติด Rank C ในมุมของโอกาสในการเพิ่มยอดขายด้วยเช่นกัน

Action และ จุดควบคุม

สินค้าใหม่ที่ซื้อครั้งแรกเข้ามาไม่เกิน 1 ปีที่ติด Rank C ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์จะต้องเป็นศูนย์ โดยทำรายงานแจ้งเตือนภายในสัปดาห์ที่ 12 และภายใน 30 วันจะต้องนำออกจากร้าน เว้นแต่ในกรณีพบว่า 

  1. ขายไม่ดีเนื่องจากไม่มีสต๊อค
  2. เปลี่ยนสถานะเป็นสินค้าสั่งพิเศษ ซึ่งจะอนุญาติให้เหลือเพียงตัวโชว์ และจะถูกวัดผลใน KPI Dead stock 9 เดือนต่อไป
  • KPI Dead Stock 9 เดือน

เพื่อควบคุมสินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสต๊อคขาย หรือสินค้าที่หยุดซื้อไปแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวถูกติดตาม

เกณฑ์วัด

สินค้าที่ซื้อครั้งสุดท้ายเกินกว่า 9 เดือน ที่มีสต๊อคคงเหลือ แม้จะมีการขายอยู่ก็ตาม แปลว่าไม่มีการซื้อซ้ำ ควรถูกพิจารณาเปลี่ยนสถานะ หรือผลักดัน หรือส่งคืนออกจากระบบ

Action และ จุดควบคุม

  1. รายงานสินค้าสั่งพิเศษแจกแจงตามอายุคลัง นับจากวันที่รับเข้า โดยมูลค่าสินค้าสั่งพิเศษ ที่มีอายุเกิน 30 วันควรจะลดลงเรื่อยๆ โดยจะแจกแจงมูลค่าตามช่วงอายุทุกๆ 30 วัน แจกแจงตามรหัสคลัง แยก SPO และ AVL ด้วย
  2. มูลค่าสินค้าสั่งพิเศษที่จัดเก็บเข้า AVL ที่อายุเกิน 30 วัน ต้องถูกควบคุมป้องกันการผลักสินค้ามีปัญหาเข้าสู่ระบบ   ขายปลีก
  3. รายงานการเรียกเก็บค่าฝากสินค้า
  • โดยหักจากเงิน Incentive พนักงานขาย
  • สินค้าห้าม Re-Order ที่มียอดสต๊อคอายุเกิน 30 วัน