WI-SA1-003 การควบคุมสินค้า SPO และสินค้า Back Order
1. วัตถุประสงค์
เอก
สารฉบับำหนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางและขั้นตอนในการสั่งสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Backorder)Order) เพื่อควบคุมและ-
ลด
สต๊อคปริมาณสินค้าคงเหลือที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เ -
ป้องกันปัญหาสิ
ดนค้าตกค้างจากการสั่งซื้อ ที่ตกค้างเนื่องจากลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อ,การสั่งผิดและหรือการทุจริต -
ควบคุมการสั่ง
สินคซื้าเพื่อให้ได้เป้าของ Supplier เพื่อผลป็นระโยชน์ส่วนบุคคลบ
-
- แยกกรณีใดออกไปเป็นเอกสารใหม่ WI-SA-010 คู่มือการขายสินค้าคอนกรีตซีแพค
2. ขอบข่าย
ใช้เป็นมาตรฐา
นในการปฏิบัติงานในสำหรับการสั่งซื้อสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) และสินค้าไม่มีในสต๊อก (Backorder)Order) ของ บริษัท นพดลพานิช จำกัด(สนญ.) และSCG Home Solution แยกต้นเปา
3. อุปกรณ์/เครื่องมือ
- คอมพิวเตอร์ที่มีระบบ BC Account
4. หน้าที่ความรับผิดชอบ
ตำแหน่ง |
หน้าที่ |
พนักงานขาย |
รับคำสั่งซื้อ |
เจ้าหน้าที่จัดซื้อ |
จัดซื้อสินค้า |
เจ้าหน้าที่ตรวจรับสินค้า |
ตรวจสอบสินค้าก่อนรับเข้า แ |
5. คำจำกัดความ
- สินค้าสั่งพิเศษ (Special-Order Item) คือ สินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสั่งผลิต, สินค้าสั่งตัดเฉพาะงาน เช่น ผนังวิลลี่ , ไม้พื้นลามิเนต , ประตูไซด์พิเศษ เป็นต้น
- สินค้าไม่มีในสต๊อก (Back order) คือ สินค้าที่มีขายในร้านปกติแต่สินค้าหมดสต๊อกชั่วคราว แต่จะมีการสั่งสินค้ามาเพิ่มภายหลัง
(การสั่งสินค้า Backorder เป็นการจองสินค้าไว้ก่อน) - เงินรับมัดจำ (Deposit) หมายถึง เงินขั้นต้นจำนวนหนึ่งที่ผู้สั่งซื้อชำระแก่ผู้ขาย เพื่อเป็นหลักประกันยืนยันว่าผู้ซื้อจะไม่ยกเลิกคำสั่งซื้อในภายหลัง หากลูกค้ายกเลิกการรับสินค้าในภายหลัง จะไม่สามารถเรียกคืนเงินมัดจำได้ และพนักงานจะต้องออกใบจองสินค้า ควบคู่กับใบรับเงินมัดจำ เพื่อให้สามารถระบุสินค้าที่มัดจำไว้ได้
6. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ใบสั่งขาย
- ใบสั่งจอง
- ใบรับเงินมัดจำ
- ประกาศนโยบายสินค้า SPO
7. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
รายละเอียด7.1 ขั้นเตอนรียมการปฏิบัติงาน
เมื่อพนักงานขายรับคำสั่งซื้อ
จากลูกค้าจะต้อง→ อธิบายรายละเอียดในการสั่งซื้อสินค้าพิเศษให้กับแลูกค้าทราบ รวมถึงะเงื่อนไขการคิดค่าบริการฝาก SPO ไว้ โดยระบุเป็นลายลักษณ์อักษรในใบเสนอราคา (QCV, QCN)เพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนเกิดการสั่งซื้อ มิใช่แจ้งลูกค้าทราบภายหลัง และติดตามสินค้าจนกว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าเรียบร้อยตามกำหนดที่ลูกค้าต้องการจะต้องสอบถาม
รายละเอียกกำหนดการรับสินค้าหรือหากลูกค้าต้องการทยอยรับ → สินค่งข้าอมูลให้ขอรฝ่ายละเอียดแผน กำหนดวัน เวลา ในการส่งสินค้าที่แน่ชัดเพื่อส่งให้ทางบริหารสินค้าวางแผน-
ขอเอกสารยืนยันการสั่งซื้อ (E-mail, ลายเซ็น, e-signature, ใบสั่งซื้อของลูกค้า)
-
เรียกเก็บเงินมัดจำ
-
Back Order: มัดจำ ≥ 30%
-
PASS ส่ง: มัดจำ 100%
-
SPO: มัดจำ 100% (เว้นแต่ได้รับอนุมัติยกเว้น)
-
7.2 ขั้นดำเนินการ
-
ส่งเอกสารให้ฝ่ายจัดซื้อสั่งสินค้า
หรือPass -
Supplier ส่งสินค้า
ให้กับ→-
PASS ส่ง: ส่งตรงถึงลูกค้า
-
เข้าบริษัท: GR ตรวจรับ → โอนเข้าคลัง (SPO หรือ BOD) → แจ้งพนักงานขาย
มีห
-
-
พน
้ักงาที่ติตตามการยืนยันสั่งซื้อเป็นลขายลักษณ์อักษร ทัแจ้งช่องทาง E-mail,ลงนามด้วยปากกา,ลงนามผ่านlineใน , ข้อความโต้-ตอบFacebook (ตามกฎหมายe-signature) ลงในใบเสนอราคา(QCV,QCN)และ/หรือให้ลูกค้าออกใบสั่งซื้อจากภายนอก(บริษัทฯของลูกค้า)เพื่อเป็→ นการยืนยันดรับคำหรือสั่งซืมอบ พร้อมแจ้งยอดคงค้าง -
ต้องรับเงินมัดจำจากลูกค้าอย่างน้อย 30% สำหรับสินค้า/ชำระเงินคงค้างBack→orderออกบิลขายและ
7.3 ขั้นควบคุมพิเศษ
-
ห้ามรับสินค้า
PASSสั่งพิเศษเข้าคลังก่อนกำหนดลูกค้าเกิน 30 วัน -
เก็บค่าฝากสินค้า 1%/เดือน หากเกินกำหนด
-
ติดตามสถานะสินค้าค้างทุกวัน และรายงานทุกสัปดาห์
8. เงื่อนไขการมัดจำและการอนุมัติยกเว้น
มูลค่าสินค้า | ผู้อนุมัติ |
---|---|
≤ 100,000 บาท | หัวหน้าทีม/หัวหน้าแผนก |
100,001 - 500,000 บาท | ผู้จัดการฝ่ายขาย/ผู้จัดการสาขา |
> 500,000 บาท | ผู้อำนวยการฝ่ายขาย |
กรณีพิเศษ | กรรมการผู้จัดการ |
ยกเว้น: ส่วนงานราชการ (ต้องมีเอกสารการตั้งเบิก)
9. KPI และการควบคุมสต๊อก
-
KPI Rank C: สินค้าที่ขายน้อยกว่า 5% ของกลุ่ม ต้องดำเนินการนำออกหรือเปลี่ยนสถานะ
-
KPI Dead Stock 9 เดือน: สินค้าที่ไม่มีการซื้อซ้ำเกิน 9 เดือน ต้องผลักดันหรือส่งคืน
10. การแก้ปัญหา
-
ลูกค้ายกเลิก SPO → ดำเนินการส่งคืนด่วน
-
Supplier ส่งก่อนกำหนด → เลื่อนวันชำระเงินตามกำหนดเดิม
-
พนักงานลาออก → ทีมรับผิดชอบร่วมกันในค่าฝาก
ขั้นตอนการสั่งสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ต้องมีและ Back Order (BOD)
1. การมัดจำสพินค้า 100% เนื่องจากเป็นสินค้าสั่งพิเศษ ไม่มีขายทั่วไป หรือเป็นสินค้าที่ใช้เฉพาะงานนั้นๆจะต้องมีการสั่งผลิต สั่งตัดเฉพาะชิ้นงาน จึงจำเป็นต้องมัดจำ 100% เพื่อป้องกันการยกเลิกสินค้ากลางคัน
กรณียกเว้นไม่เรียกเก็บเงินมัดจำให้อยู่ในการรับรองของผู้อำนวยการฝ่ายขาย ผู้จัดการขาย หรือ Store manager เซ็นอนุมัติในใบ Back order พร้อมประทับตรา “ไม่เก็บเงินมัดจำ”รวมถึงพนักงานขายต้องคิดค่าขนส่งออก/ขนสินค้าลงหน้างานด้วย (ถ้ามี)
สำหรับลูกค้าเงินเชื่อ(ทำสัญญาการเปิดบัญชีถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์) ไม่ได้เรียกเก็บมัดจำไว้ พนักงานขายมีหน้าที่เจรจากับลูกค้าเพื่อทำใบตั้งหนี้เรียกเก็บค่ามัดจำสินค้า โดยแผนกสินเชื่อส่งใบตั้งหนี้เรียกเก็บเงินลูกค้าตามรอบบัญชีของลูกค้าต่อไป
หากเป็นสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกบางส่วนแต่ลูกค้าต้องการมากกว่าและต้องการยืนำสินค้าในสต๊อกที่มีบางส่วนนี้ไปใช้ก่อน พนยักงานขายจะต้องทำใบ Back order เฉพาะจำนวนที่ค้างส่ง ส่วนบริหารสินค้าจะดำเนินการสั่งซื้อเพิ่มเติมจากนี้เพื่อนำมาเข้าคลังขายปกติ (คลังA,B,C) ก็ได้อยู่ในดุลย์พินิจของฝ่ายบริหารสินค้า
พนักงานขายสามารถขอสั่งซื้อสินค้าก่อนล่วงหน้าได้ โดยระบุวันนัดรับสินค้าเข้าคลังก่อนวันที่ลูกค้านัดรับ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับสินค้าเข้าคลังจึงจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการฝากสินค้า
เซ็นรับทราบการรับสินค้า SPO เข้าคลังในใบรับเข้าที่ GR ส่งให้ทุกสิ้นวัน
ตรวจสอบรายงานสินค้าค้างส่งในคลัง SPO (GR114) ทุกสิ้นวันเพื่อแจ้งICกรณีมีการเลื่อนนัดรับสินค้า
กรณีสั่งสินค้ามาผิดให้ดำเนินการทำเรื่องขอส่งสินค้าคืนเจ้าหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับตั้งแต่รับสินค้าเข้าคลัง(RTV)โดยพนักงานหรือลูกค้าที่สั่งผิดเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งเข้า-ออกทั้งหมด
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ
เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารใบสั่งซื้อจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานมาก่อนและมีการทำเอกสารตั้งเบิกตามมาเป็นลำดับ (หากหน่วยงานราชการใดทำเอกสารไม่เรียบร้อยและเกิดความเสียหาย พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้
มูลค่าสินค้าไม่เกิน 100,000 บาท หัวหน้าทีม,หัวหน้าแผนก เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
มูลค่าสินค้ามากกว่า 100,000 ถึง 500,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายขาย , ผู้จัดการสาขา เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
มูลค่าสินค้ามากกว่า 500,000 บาท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป
สำหรับลูกค้าเงินเชื่อ(ทำสัญญาการเปิดบัญชีถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์) ไม่ได้เรียกเก็บมัดจำไว้ พนักงานขายมีหน้าที่เจรจากับลูกค้าเพื่อทำใบตั้งหนี้เรียกเก็บค่ามัดจำสินค้า โดยแผนกสินเชื่อส่งใบตั้งหนี้เรียกเก็บเงินลูกค้าตามรอบบัญชีของลูกค้าต่อไป
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ
เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารใบสั่งซื้อจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานมาก่อนและมีการทำเอกสารตั้งเบิกตามมาเป็นลำดับ (หากหน่วยงานราชการใดทำเอกสารไม่เรียบร้อยและเกิดความเสียหาย พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้
มูลค่าสินค้าไม่เกิน 100,000 บาท หัวหน้าทีม,หัวหน้าแผนก เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติมูลค่าสินค้ามากกว่า 100,000 ถึง 500,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายขาย , ผู้จัดการสาขา เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติมูลค่าสินค้ามากกว่า 500,000 บาท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป
-
ลูกค้าพิจารณาเงื่อนไข
ในการสั่งซื้อ-
หากไม่สั่งสินค้า
เพื่อตัดสินใจสั่งสินค้า
→ -
ลูกค้าไม่ต้องการสั่งสินค้า ให้พนักงานขายเสนอสินค้าทางเลือกอื่นๆที่ลูกค้าต้องการหรือปิดการขาย-
หาก
ลูกค้าไม่ต้องการสินค้าอื่นอีก ลูกค้าต้องการสั่งสินค้าให้→ พนักงานขายสอบถามรายละเอียด ได้แก่-
รายละเอียดสินค้า
-
วันที่
ลูกค้าต้องการสินค้าและ -
วิธีการจัดส่ง
โดยระ
จากนั้นบุันทึกข้อมูลในเอกสารการมัดจำสินค้า และจัดทำออก ใบ SPO หรือ ใบ Backorder
-
2. การเก็บเงินมัดจำ
-
พนักงานขายออกบิลค่ามัดจำ
สินค้าพร้อมเรียกเก็บเงินค่าและมัดจำสินค้าจากลูกค้า ยื่นอบเอกสารการมัดจำสินคพร้าและอมบิลค่ามัดจำสินค้าให้กับลูกค้า
3. พนักงานขายแจ้งฝ่ายจัดซื้อให้ดำเนินการสั่งซื้อสินค้าต
-
พนักงา
มทีนขายแจ้ง ฝ่ลูายจัดซื้อ เพื่อดำเนินการสั่งสินค้าต้องการ ตามเอกสารใบ SPO หรือใบBackorderOrder
Supplier จัดส่งสินค้าตาม order
สินค้าPassกรณีส่งตรงให้
กับลูกค้าทาง→ Supplier ประสานงานกับทางฝ่ายจัดซื้อเพื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าเลยโดยไม่ต้อรงส่งสินค้าผ่านบริษัททางพนักงานขายจะออกบิลขายให้กับลูกค้าในภายหลังสินค้ากรณีส่งมาที่บริษัท
→ทางแผนก GRจะตรวจสอบสินค้าเพื่อและรับเข้าตามใบสั่งซื้อPOจากนั้นทางGRจะดำเนินการโอนสินค้าเข้าคลังโดยสินค้า SPO
จะ→ โอนเข้าคลัง SPOส่วน-
สินค้า Back
orderOrderจะ→ โอนเข้าคลัง BODและ
จากนั้นแจ้งให้พนักงานขายและฝ่ายจัดซื้อท
4. การแจ้งลูกค้าและส่งมอบว่ามีสินค้า
-
Back order รับเข้ามา จากนั้นพนักงานขาย
จะแจ้งให้กับลูกค้าทราบว่าสินค้าที่ได้สั่งไว้มาถึงแล้วใหพร้อมนัดวัน/เวลูกค้ามารับสินค้าได้หรือแจ้งกำหนดวันเวลา ที่จะนำสินค้าไปัดส่ง พร้อมแจ้งยอดเงินที่คงค้างชำระ(ถ้ามี) -
เมื่อลูกค้ามารับสินค้า
/หรือชำระยอดเงินที่คงค้างให้→ พนักงานขายออกบิลขายให้กับแลูกค้า พร้ะส่งมอมรับสินค้าหรือจัดคิวจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่อไป
เงื่อนไขและระเบียบการสั่งซื้อ
สั่งจองสินค้า-
เพื่อให้เกิดความตระหนักในการเฝ้าระวัง และบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงกำหนดมาตรการหลักดังนี้“เรียกเก็บค่าฝากสินค้า:1%เรียกเก็บ 3% ต่อเดือน”จสำหรับสินค้ากที่ค้างสต๊อกที่ผเกิดนเงื่อนไขไม่ว่าในกรณีใโดจากส่วนงานที่รับผิดชอบ เช่นยหักจาก IncentiveและหรือCommissionขCommission ของพนักงานขายที่ผู้รับผิดชอบการสั่งสินค้า
-
ระเบียบปฏิบัติในการสั่งซื้อสินค้า- สินค้า Back Order:
-
เป็นสินค้าที่มีขายปกติในสต๊อก
(Stock Item) ทีแต่ต้อสั่งการจองสินค้า ออก Back orderเกินกว่าปริมาณสั่งซื้อสูงสุด ต้องวางเงินมัดจำ 30% -
ยกเว้น
ยกเว้หนส่วนยงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเวางินมัดจำ (เพรนื่องจาะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารการตั้งเบิกเป็นระบบ)
-
(ความรับผิดชอบ: พนักงานขาย / หัวหน้าทีม / ผู้จัดก.ารฝ่ายขายเป็นผูต้องรับผิดชอบเมื่อหากเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้พิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยผ่านการพิจารณาดังนี้
- มูลค่าสินค้าไม่เกิน 100,000 บาท หัวหน้าทีม,หัวหน้าแผนก เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
- มูลค่าสินค้ามากกว่า 100,00 ถึง 500,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายขาย , ผู้จัดการสาขา เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
- มูลค่าสินค้ามากกว่า 500,000 บาท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
แต่เมื่อผู้อำนวยการพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถร่วมรับผิดชอบได้ เห็นควรให้ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ ให้นำเอกสารรายละเอียดในการสั่งซื้อนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเซ็นอนุมัติต่อไป
ในกรณีลูกค้าจองใช้สินค้า
- จองสินค้าเกินกว่า 3 วัน ต้องมีเงินมัดจำล่วงหน้า 30%
- ถ้าลูกค้าไม่รับสินค้าให้เปิดใช้เอกสารใบเสนอราคาทิ้งไว้
- ใบสั่งขาย/ใบสั่งจอง มีอายุไม่เกิิน 3 วัน ระบบจะยกเลิกเอกสารโดยอัตโนมัติ หากต้องการสินค้าอยู่ ต้องทำเอกสารใบใหม่ เท่านั้น
- สินค้าสั่งพิเศษ SPO (Special-Order Item)
ห้ามนำเข้า stock ในร้านให้ Drop-ship (Pass ส่งเข้าหน้างาน) เท่านั้น เว้นแต่
- ลูกค้าชำระเงินมัดจำ 100% ของมูลค่าสินค้า หรือ
- ลูกค้ายินดีชำระค่าบริการฝากสินค้า 1% ของมูลค่าสินค้า หรือ
- ยกเว้น ส่วนงานราชการ ที่ไม่ต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะส่วนงานราชการต้องมีเอกสารการตั้งเบิกเป็นระบบ (พนักงานขาย/หัวหน้าทีม/ผจก.ฝ่ายขาย เป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหากับสินค้านั้นๆ)
กรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้
ให้ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นผู้พิจารณาเซ็นอนุมัติ
กำหนดเวลาการรับสินค้าและส่งมอบ “สินค้าสั่งพิเศษ" (Special Order Item)
- ห้ามรับสินค้าเข้าคลังก่อนกำหนดนัดลูกค้าเกิน 30 วัน หากไม่มีหมายเหตุ หรือเหตุผลอันควรแจ้งล่วงหน้ากับแผนกบริหารสินค้าเมื่อสั่งซื้อ พนักงานขาย หรือพีซี ที่สั่งจะต้องรับผิดชอบค่าฝากสินค้า หรือมิฉะนั้นแผนก GR ก็ห้ามรับสินค้าเข้าคลัง
- ให้วางแผนร่วมกับลูกค้า ให้สามารถรับสินค้าเข้าไซต์งานภายใน 30 วันหลังจากวันที่นัดส่ง หากผิดจากเงื่อนไขฝ่ายการเงินจะคิดค่าฝากสินค้า 1% จากมูลค่าสินค้าต่อเดือน โดยนับจากวันแรกที่เกิน ซึ่งจะหักจากเงินมัดจำที่ลูกค้าวางไว้
- หากลูกค้าไม่ยินยอมชำระ ให้หักค่าฝากสินค้า 1% นั้นจาก Incentive และ Commission ของพนักงานขาย
การคำนวณการหักค่าฝากสินค้าสั่งพิเศษ
1. แจ้งสถานะทุกสัปดาห์
มีการรายงานแจ้งสถานะการคิดค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ โดยแผนกคอมพิวเตอร์จะส่งให้กับพนักงานทุกท่านได้ทราบทาง e-mail หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 ประกอบ
2. คำนวนค่าบริการฝากสินค้า SPO ประจำเดือน
ทุกวันที่ 1 ของเดือน จะคำนวณสรุปค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ของเดือนที่ผ่านมาระบบจะส่ง Mail รายงานสรุป ให้กับพนักงานได้ทราบ หรือสามารถติดตามได้จากรายงาน GR115 จากศูนย์กลางรายงาน
3. นำยอดคำนวณไปหักตามรอบการจ่าย Incentive
ทุกวันที่ 28 ของเดือน จะมีการคำนวณการจ่ายค่า Incentive และนำค่าบริการฝากสินค้าสั่งพิเศษ (SPO) ที่คำนวณไว้เมื่อวันที่ 1 มาหักจากค่า Incentive ที่พนักงานขายได้รับ
ข้อกำหนดในการจัดการปัญหาโดยทั่วไป
- กรณีลูกค้ายกเลิกสินค้า SPO ให้พนักงานขายติดตามส่งคืนร่วมกับบริหารสินค้าโดยด่วน
- หากไม่สามารถส่งคืนสินค้าให้ Supplier ได้ พนักงานขายมีหน้าที่ร่วมกับผู้จัดการทีมขายผลักดันสินค้าออกจากร้าน
- หากพนักงานลาออก ภาระค่าฝากสินค้าในแต่ละเดือนจะตกเป็นของทีมรับผิดชอบร่วมกัน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ถือว่าหัวหน้าทีมจะต้องรับผิดชอบก่อน
- หากต้องการผ่อนผัน ให้วางแผนแก้ไขปัญหามาเสนอกรรมการผู้จัดการ (เฮียทอม) ก่อนสิ้นเดือน มิฉะนั้นรายงานจะถูกส่งให้กรรมการผู้จัดการลงชื่อเพื่อดำเนินการหักเงิน Incentive ตามข้อตกลงนี้
กรณีที่ Supplier ส่งสินค้ามาก่อนกำหนด
ดังกล่าว บริษัทถือว่าเป็นการผลักภาระการสต๊อกสินค้า และจะถือว่ายังไม่ได้รับสินค้า โดยจะทดวันชำระเงินจากวันที่ครบกำหนดชำระจริงตามวันที่นัดส่งมอบเดิมตามใบสั่งซื้อ ด้วยจำนวนวันที่ส่งมาก่อนนัด
ตัวอย่าง
PO นัดรับวันที่ 31 มกราคม ครบกำหนดชำระในรอบบัญชี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ Supplier ส่งสินค้ามาวันที่ 1 มกราคม ระบบคอมพิวเตอร์ จะคำนวณวันนัดชำระเงินใหม่ เป็นรอบบัญชี วันที่ 31 มีนาคม
กรณีปกติ
กรณีพนักงานขายหักเงินมัดจำกับสินค้าอื่นที่ไม่ได้จองไว้
ให้ใช้วิธีปฏิบัติงานการตัดเงินรับมัดจำ
กำหนด KPI เพื่อการควบคุม
- KPI สินค้า Rank C เป็นศูนย์
วัตถุประสงค์
เพื่อควบคุมไม่ให้สินค้าใหม่ที่ขายยาก หลุดเข้ามาค้างสต๊อคขายปลีก และเร่งให้ Vender รับคืนหรือเปลี่ยนสินค้าที่ขายดีมาแทน
กรรมวิธีวัดผล
ประมวลผลทุกวันอาทิตย์ตามยอดขายย้อนหลัง 12 สัปดาห์ (สามเดือน) จัดเรียงอันดับในแต่ละกลุ่มสินค้าย่อย (Sub Category) เฉพาะสินค้าสถานะ “สต๊อกขาย” (Sale Inventory/Re-Order) ไม่ว่าจะมีสต๊อคสินค้าหรือไม่ โดยการจัดอันดับนี้ไม่รวมยอดขายจากคลัง Drop-Ship (หรือคลังค้าส่ง) เพราะถือว่าสินค้าสต๊อคขายควรถูกประเมินจากการขายออกจากคลังค้าปลีกเท่านั้น หากนำยอดขายสินค้าจากการขาย Drop-Ship มาร่วมอาจทำให้เกณฑ์จัดอันดับคลาดเคลื่อนจากยอดขายงานโครงการซึ่งจะมียอดสั่งขายที่ไม่สม่ำเสมอ
โดย...
- A = สินค้าที่ยอดขายสูงสุดรวม 75% ของยอดขายรวมในกลุ่มสินค้าเดียวกัน
- B = สินค้าที่กินยอดขายอีก 20% ถัดมา
- C = สินค้าที่เหลือ ที่มียอดขายไม่ถึง 5% ของยอดขายทั้งกลุ่ม
ตามหลักการจะถือว่า Rank C เป็นสินค้าที่ขายไม่ดี ควรพิจารณานำสินค้าส่งคืน/เปลี่ยนสินค้าใหม่ที่ขายดีมาทดแทน หรือ เปลี่ยนสถานะเป็น “สินค้าสั่งพิเศษ” (Special-Order) หรือ “หยุดซื้อ” (Stop buy) ในกรณีเปลี่ยนสถานะ จะต้องดำเนินการติดตามการคืน หรือผลักดันสินค้าออกไป
แต่อีกนัยหนึ่ง เป็นไปได้ว่าสินค้าที่ขายไม่ดีเพราะไม่มีสต๊อคสินค้า จึงไม่เกิดการขายขึ้น จึงควรพิจารณาสภาพสินค้าที่ติด Rank C ในมุมของโอกาสในการเพิ่มยอดขายด้วยเช่นกัน
Action และ จุดควบคุม
สินค้าใหม่ที่ซื้อครั้งแรกเข้ามาไม่เกิน 1 ปีที่ติด Rank C ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์จะต้องเป็นศูนย์ โดยทำรายงานแจ้งเตือนภายในสัปดาห์ที่ 12 และภายใน 30 วันจะต้องนำออกจากร้าน เว้นแต่ในกรณีพบว่า
- ขายไม่ดีเนื่องจากไม่มีสต๊อค
- เปลี่ยนสถานะเป็นสินค้าสั่งพิเศษ ซึ่งจะอนุญาติให้เหลือเพียงตัวโชว์ และจะถูกวัดผลใน KPI Dead stock 9 เดือนต่อไป
- KPI Dead Stock 9 เดือน
เพื่อควบคุมสินค้าสั่งพิเศษ, สินค้าสต๊อคขาย หรือสินค้าที่หยุดซื้อไปแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวถูกติดตาม
เกณฑ์วัด
สินค้าที่ซื้อครั้งสุดท้ายเกินกว่า 9 เดือน ที่มีสต๊อคคงเหลือ แม้จะมีการขายอยู่ก็ตาม แปลว่าไม่มีการซื้อซ้ำ ควรถูกพิจารณาเปลี่ยนสถานะ หรือผลักดัน หรือส่งคืนออกจากระบบ
Action และ จุดควบคุม
- รายงานสินค้าสั่งพิเศษแจกแจงตามอายุคลัง นับจากวันที่รับเข้า โดยมูลค่าสินค้าสั่งพิเศษ ที่มีอายุเกิน 30 วันควรจะลดลงเรื่อยๆ โดยจะแจกแจงมูลค่าตามช่วงอายุทุกๆ 30 วัน แจกแจงตามรหัสคลัง แยก SPO และ AVL ด้วย
- มูลค่าสินค้าสั่งพิเศษที่จัดเก็บเข้า AVL ที่อายุเกิน 30 วัน ต้องถูกควบคุมป้องกันการผลักสินค้ามีปัญหาเข้าสู่ระบบ ขายปลีก
- รายงานการเรียกเก็บค่าฝากสินค้า
- โดยหักจากเงิน Incentive พนักงานขาย
- สินค้าห้าม Re-Order ที่มียอดสต๊อคอายุเกิน 30 วัน